วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

เคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติกับ "การนอน"

เคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติกับ "การนอน"

คุณผู้หญิงทั้งหลายต่างก็ปรารถนาให้ตนเองมีสุขภาพผิวที่ดีจึงมักจะหาสิ่งต่าง ๆ มาบำรุงผิวพรรณให้สวยงามอยู่เสมอ และคุณทราบหรือไม่ว่าการนอนอย่างมีประสิทธิภาพก็สามารถทำให้ผิวพรรณของคุณดูสวยงามได้เช่นกัน วันนี้เรามีเคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติ "การนอน" มากฝากค่ะ

เคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติ



นพ.กฤษธิพร เพ็งสุข ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนังและสุขภาพความงามจากศูนย์ความงามนิรันดาคลินิก กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า การสูบบุหรี่ ดื่มแอกอฮอล์ ความเครียด หรือโดดแดดจัดบ่อย ๆ นั้นจะทำให้ผิวพรรณดูแก่ก่อนวัย รวมทั้งการนอนหลับที่ไม่เพียงพอด้วยค่ะ เพราะการนอนหลับเป็นสิ่งที่จะทำให้ร่างกายสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ถ้านอนหลับไม่เพียงพอผิวพรรณก็จะโทรมตามไปด้วย สังเกตได้ชัดเจนว่า ผู้ที่นอนหลับไม่พอจะมีใบหน้าหมองคล้ำหรือมีถุงใต้ตาดูไม่น่ามองเอาเสียเลย

หากเรานอนหลับอย่างเพียงพอร่างกายจะสามารถหลั่งสารเมลาโทนินออกมาได้ดี ซึ่งสารนี้จะถูกสร้างออกมามากในตอนกลางคืนช่วงที่เรานอนหลับนั่นเอง สารเมลาโทนินจะช่วยปกป้องเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระต่าง ๆ และยังช่วยชะลอความชราภาพที่จะมาเยือนผิวหนังของเราด้วย แถมยังช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ทำให้ดูสดชื่นแจ่มใส


ทีนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบค่ะ


1. นอนให้ถูกเวลาและปริมาณ


แต่ละวัยจะมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการนอนไม่เท่ากัน อย่างถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องการเวลาพักผ่อนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ถ้านอนไม่พอความอยากนอนของเราก็จะไปสะสมเพิ่มในวันต่อ ๆ ไป ดังนั้นควรนอนให้ได้ปริมาณเวลาที่เหมาะสมค่ะ นอกจากนี้ก็ไม่ควรเข้านอนเกิน 4 ทุ่ม เพราะในฮอร์โมนต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายจะสร้างตามเวลาที่กำหนด ถ้านอนดึกร่างกายจะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนออกมาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

2. นอนให้ถูกที่ถูกสิ่งแวดล้อม


สิ่งแวดล้อมก็มีความสำคัญกับประสิทธิภาพของการนอนนะคะ ถ้าเกิดมีเสียงรบกวนหรือมีแสงสว่างมากเกินไป ก็อาจทำให้นอนไม่ต่อเนื่อง หลับ ๆ ตื่น ๆ ประสิทธิภาพการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะลดลง

3. นอนให้ถูกท่า


ท่านอนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า คือ ท่านอนหงายค่ะ ส่วนท่านอนตะแคง และนอนคว่ำจะทำให้เกิดแรงกดทับ โดยเฉพาะที่แก้มและคาง เรียกให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัยพร้อม ๆ กับรอยตีนกาเนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตาจะบอบบางมาก

อีกประโยชน์ของท่านอนหงายคือ เป็นท่านอนที่ไม่มีอะไรมากดทับหน้าอกทำให้หายใจสะดวก กระดูกสันหลังวางในแนวธรรมชาติ ท่านอนหงายที่จะทำให้หลับสบายอาจจะใช้หมอนใบเล็ก ๆ ทรงต่ำ มารองใต้คอหรือหนุนศีรษะเพื่อพยุงกระดูกสันหลังให้อยู่ระดับเดียวกับที่นอน เหยียดแขนออกห่างตัวจะช่วยให้หายใจได้คล่อง และกล้ามเนื้อหลัง ไหล่ คอ จะผ่อนคลายดีที่สุดค่ะ (ยกเว้นผู้ป่วยหรือสตรีมีครรภ์)


นอนแล้ว


นอกจากนี้ เรามีเคล็ดลับสวยก่อนนอน มาฝากคุณผู้หญิงกันด้วย

1. เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะ


จะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรควรดูสภาพผิวเป็นสำคัญ ถ้าผิวแห้งก็เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีครีมน้ำนมเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ถ้าผิวธรรมดาหรือผิวมันให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งจะช่วยปรับ สภาพผิวให้เหมาะสม

2. การล้างหน้า


เวลาล้างหน้าไม่ควรใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งเพราะทั้งสองนิ้วจะมีแรงกดบนใบหน้า มาก ควรใช้นิ้วกลางและนิ้วนาง หมุนนิ้วออกเป็นวงกลม ตั้งแต่คางนวดเบา ๆ ไล่ขึ้นไปตามแก้มไล่จากบริเวณจุดกลางไปตามลายกล้ามเนื้อออกไปทางด้านข้าง ไล่ขึ้นไปที่หน้าผาก เป็นการต้านแรงโน้มถ่วง อาจจะเน้นบริเวณร่องข้างจมูก เพื่อหลีกเลี่ยงสิวเสี้ยน

3. การลงคลีนซิ่ง

ควรลงทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาที เพื่อให้ตัวครีมไปละลายสิ่งสกปรกคราบไขมันต่าง ๆ ที่อุดตันอยู่

4. การล้างออก

ให้วักน้ำขึ้นมาเอาน้ำแปะบนผิวหน้าอย่าพยายามถูเพราะจะยิ่งไปกดใบหน้าของเรา ทำให้เกิดริ้วรอยได้ รู้เคล็ดลับข้างต้นแล้วอย่าลืมนำไปลองใช้ดูนะคะ จะได้สวยและมีผิวพรรณอ่อนเยาว์ตลอดเวลาค่ะ

เคล็ดลับผิวสวยด้วยธรรมชาติกับ "การนอน"

สูตรสครับขัดผิว

สูตรสครับขัดผิว

เคล็ดลับของผิวที่แลดูสดใสและเปล่งปลั่งสำหรับคุณผู้หญิง วันนี้จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะเรามีสูตรสครับขัดผิว แบบเบสิก ๆ ง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ เพียงแต่คุณลองปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้และผิวสวย ๆ ก็จะได้อยู่คู่กับคุณไปยาวนานค่ะ



สูตรสครับขัดผิว


1.สครับผิวสัปดาห์ละครั้ง

ความถี่ในการสครับผิวที่เหมาะสม คือ 2 สัปดาห์/ครั้ง สำหรับผิวธรรมดาในช่วงเย็นของวัน ส่วนผิวมันสครับได้บ่อยกว่า คือ สัปดาห์ละครั้ง และสำหรับผิวแห้ง สามารถสครับผิวได้ 2 - 3 สัปดาห์/ครั้ง คนเราจะผลัดเซลล์ที่ตายแล้วทุก ๆ 28 วัน การสครับออกไปแต่พอดีจึงช่วยเผยผิวใหม่ที่สะอาดน่ามองได้

2.เลือกเนื้อสครับธรรมชาติ

สครับเนื้อหยาบอาจทำให้ผิวถลอกได้ทางที่ดีควรเลือกเนื้อบีทเล็ก ๆ ที่มาจากธรรมชาติอย่าง รำข้าว สารสกัดจากหม่อน เมล็ดมะขาม น้ำตาล เปลือกมะกรูด มะขามป้อม ตะไคร้ ฯลฯ ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน และยังช่วยเพิ่มคุณค่าให้ผิวอีกด้วย


ครับขัดผิว



3.เลือกสมุนไพรให้เหมาะกับผิว

เพราะสารสกัดที่ผสมในเนื้อสครับมีความแตกต่างกันไปสมุนไพรบางชนิดดีต่อผิว แห้ง เช่น น้ำผึ้ง แตงกวา ว่านหางจระเข้ ส่วนผิวมันและผิวมีสิวควรเลือกผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะยม มะเฟือง มะกรูด มะขาม เป็นต้น เพื่อให้สมุนไพรได้ดูแลผิวอย่างถูกต้อง

4.เมื่อใกล้ออกแดด

เมื่อเตรียมจะไปเที่ยวทะเลควรงดการสครับผิวก่อนออกแดดประมาณ 2 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถูกแสงแดดทำลายมากเกินไป และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์การป้องกันแสงแดดทุก ๆ 4 ชั่วโมง รวมทั้งการสเปรย์ผิวให้ชุ่มชื่นตลอดการออกแดด

หากอยากจะสครับผิวขัดผิวในครั้งต่อไปก็อย่าลืม สูตรสครับขัดผิว ที่นำมาฝากนี้ด้วยนะค่ะ

สูตรสครับขัดผิว

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

หมดปัญหาเมื่อ..."ผิวหน้ามัน"

หมดปัญหาเมื่อ..."ผิวหน้ามัน"

ปัญหาผิวหน้ามันคงทำให้คุณผู้หญิงทั้งหลายเกิดความรำคาญ เป็นอย่างมาก เพราะทำให้เครื่องสำอางที่เมคอัพมานั้น ไม่ค่อยติดทนแถมยังเป็นคราบอีกต่างหาก และที่ร้ายกว่านั้นยังทำให้เกิดปัญหาสิวอุดตันมาเป็นเพื่อนคู่ใจอีก ฉะนั้นเราลองมาหาสาเหตุและวิธีรับมือกับปัญหา ผิวหน้ามัน กันดีกว่าค่ะ



"ผิวหน้ามัน" เกิดจาก


- พันธุกรรม

หากสาว ๆ มีผิวหน้ามันเงามาตั้งแต่กำเนิด ควรทำใจยอมรับและเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวคุณจะดีที่สุด

- การลดความอ้วน

สาว ๆ บางคนอาจนึกไม่ถึงว่าการลดความอ้วนก็ส่งผลกระทบให้สาว ๆ หน้ามันได้นะ

- ระดับฮอร์โมนในร่างกาย

รู้มั้ยว่าฮอร์โมนเกี่ยวข้องกับความเครียดโดยตรง หากสาว ๆ เครียดลองสังเกตดูสิว่าช่วงนั้นหน้าจะแลดูหมองคล้ำไม่สดใส ทาแป้งก็ไม่ติดทน ลองหันมาทำจิตใจให้สบายและมองโลกในแง่ดีให้มากขึ้น คิดไว้เสมอว่าทุกปัญหามีทางแก้เสมอนะ

- การตั้งครรภ์


เพราะยาสำหรับสตรีมีครรภ์บางชนิดหรือภาวะการเปลี่ยนแปลงในร่างกายขณะตั้ง ครรภ์อาจทำให้ร่างกายมีการผลิตน้ำมันส่วนเกินมากเกินกว่าปกติได้


หมดปัญหา


- ยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดบางตัวมีสาระสำคัญที่ส่งผลให้ผิวผลิตน้ำมันส่วนกินมากเกินความจำเป็น

- เครื่องสำอางบางชนิด


เครื่องสำอางบางชนิดก็อาจไม่เหมาะกับคนผิวมัน ก่อนใช้ควรหาข้อมูลผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เสียก่อนว่ามีผลทำให้ผิวหน้ามันมากน้อยแค่ไหน เพราะหากผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่เกินควร อาจได้ของแถมเป็นสิวตามมาได้

- สภาพอากาศ


เช่น ความร้อน ความขึ้นของสภาวะอากาศ หากอยู่ท่ามกลางสภาวะอากาศร้อนและเต็มไปด้วยมลพิษ แน่นอนว่า ความมันเงาย่อมมาเคาะประตูเยือนผิวหน้าเป็นแน่

ในวัยรุ่นมักมีผิวหน้ามันเนื่องจากฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงในวัยซึ่งส่ง ผลให้ผิวมักจะมันง่ายกว่าผิวในวัยอื่น ๆ โดยทั่ว ๆ ไม่เมื่ออายุมากขึ้นผิวจะเริ่มแห้งความมันเงาบนใบหน้าจะลดลง เพราะต่อมไขมันจะมีการผลิตน้ำมันน้อยลง แต่ถ้าหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนภาวะฮอร์โมนที่ เปลี่ยนแปลงไปในร่างกายจะส่งผลให้ต่อมไขมันมีการผลิตน้ำมันมากขึ้นผิวหน้า คุณจะมันวาวแลดูไม่สวยสดใส หลายคนมักมีผิวมันบางบริเวณ ส่วนมากมักจะมันช่วงทีโซน (คือในบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง) ผิวชนิดนี้เรียกว่าผิวผสม ผู้ที่มีผิวมันควรใส่ใจดูแลปรนนิบัติผิวให้มากขึ้น นอกจากจะช่วยให้ใบหน้านวลเนียนน่าสัมผัสแล้วยังช่วยเพิ่มบุคลิกภาพและความ ประทับใจเมื่อแรกเห็นได้อีกด้วย

หมดปัญหาเมื่อ..."ผิวหน้ามัน"

อาหารบำรุงผิวสวย เมื่อยาม "ลมหนาว"

อาหารบำรุงผิวสวย เมื่อยาม "ลมหนาว"

หน้าหนาวนี้มาหาอาหารบำรุงผิวกันเถอะค่ะ ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า วันนี้เราจะมาแนะนำ อาหารบำรุงผิว ให้กับคุณผู้หญิงได้สวยทุกกระเบียดนิ้วกันเลยล่ะค่ะ ฮันแน่!! อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะค่ะว่า อาหารบำรุงผิว ของเรานั้นมีอะไรบ้าง นอกจากหน้าหนาวนี้คุณจะได้อร่อยกับอาหารที่ทรงคุณค่าแล้วยังได้ผิวสวยสดใส ไม่แห้งกร้านแต่งกลับได้ความชุ่มชื่นสดใสมาบวกให้ผิวของคุณแทน เรียกได้ว่า สวยจากภายในสู่ภายนอกกันเลยทีเดียวค่ะ นั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับ อาหารบำรุงผิว กันเลยดีกว่าค่ะ


อาหารบำรุงผิว


เนื้อปลา

เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียมซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความชราและความเสื่อม ของร่างกาย


น้ำมันมะกอก


น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูงก็จริงแต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกายสูงและเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และที่สำคัญในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินเอและอีที่เป็นสารแอนตี้ออกซิ แดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม


เมล็ดข้าวและธัญพืช

ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ด ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ซึ่งจะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์ มีงานวิจัยระบุว่า วิตามินอี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะ ให้แก่ผิว


อาหาร



ผลไม้และผักสด

ผักสดมีวิตามินเอช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้งและยังสดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ และยังมีวิตามินซีซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึงมีความยืดหยุ่น ผักสดและผลไม้จึงควรเป็นอาหารที่คุณควรบรรจุไว้ในเมนูอาหารทุกมื้อของคุณ ผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท


น้ำเปล่า


น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกายและหากร่างกายได้รับน้ำไม่ เพียงพอ จะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วโต ๆ เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและยังป้องกันผิวหย่อนยานจาก การลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบอีกด้วย


ตัวอย่างเมนูอาหารบำรุงผิว


มื้อเช้า : สลัดผลไม้ราดด้วยโยเกิร์ตหรือสลัดผักสดกับน้ำสลัดใส

มื้อเที่ยง : ปลาจาระเม็ดนึ่ง แกงเลียง ข้าวกล้อง

มื้อว่าง : นมถั่วเหลืองหรือน้ำผลไม้คั้นสด ๆ

มื้อเย็น : ลาบเห็ด ซุบเต้าหู้ ข้าวกล้อง

อาหารบำรุงผิวสวย เมื่อยาม "ลมหนาว"

เคล็ดลับการ "มาสก์หน้า"

เคล็ดลับการ "มาสก์หน้า"

การทำความสะอาดหน้านั้นนอกจากจะล้างหน้าด้วยโฟมแล้วตามด้วยการใช้โลชั่นเช็ดผิวเป็นประจำทุกวันแล้ว คุณก็ควรจะบำรุงผิวเพิ่มเติม ด้วยการมาสก์หน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เข้มข้นขึ้นกว่าปกติ วันนี้เราจึงได้นำเคล็ดลับ มาส์กหน้า มาฝากกันค่ะ

ขั้นตอน มาสก์หน้า


- ทำความสะอาดผิวให้สะอาด การมาสก์หน้าไปบนใบหน้าสกปรก เสมือนลงยาขัดเงาไปบนพื้นผิวที่สกปรก

- ก่อนใช้มาสก์แต่ละยี่ห้ออ่านขั้นตอนการใช้อย่างละเอียด โดยเฉพาะวิธีการ ระยะที่ใช้มาสก์หน้า และวิธีการชำระออก แต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีแตกต่างกัน

- ทามาสก์จำนวนพอควรไปบนใบหน้า อย่าขี้เหนียวเกินไป

- หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เพราะผิวบริเวณนี้บอบบางที่สุด

- หลังจากทาล้างมาสก์ออกแล้ว เซลล์เก่าจะถูกขจัดออกไป จึงควรทาครีมบำรุงทันที เพราะผิวจะซึมซับมอยส์เจอไรเซอร์ได้อย่างรวดเร็ว


เคล็ดลับ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก monypedia ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

เคล็ดลับการ "มาสก์หน้า"

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว ช่วยให้ "ผิวสวย"

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว ช่วยให้ "ผิวสวย"

ใครหลายคนอาจจะนึกไม่ถึงก็ได้ว่าน้ำมะพร้าวที่เรากิน ๆกันอยู่นั้น มีประโยชน์มากมายอย่างเลยที่เดียว สำหรับคนที่ชอบทานน้ำมะพร้าก็ถือว่าดีไป แต่คุณผู้หญิงที่ยี้มะพร้าวละก็ อาจจะต้องเสียใจเมื่อได้รู้ถึงประโยชน์น้ำมะพร้าวว่า สิ่งที่คุณเมินหน้าหนีบ่อย ๆ นั้น สามารถช่วยให้ผิวพรรณของคุณดูดี อร่อย แล้วยังทำให้ผิวพรรณของเราสวยได้อีก ถ้าอยากผิวสวยก็ลองหันมาง้อนำ้มะพร้าวดูนะคะ



ประโยชน์น้ำมะพร้าว


1.อุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด

น้ำมะพร้าวถือเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ (Natural Mineral Drink) เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีอีก ด้วย


2.ชะลออาการอัลไซเมอร์


การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้จากผลงานวิจัยของ ดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง ซึ่งมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง นอกจากนี้การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำทุกวันยังสามารถช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น


ผิวสวย มะพร้าว


3.ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

ผิวสวยด้วยการดื่มน้ำมะพร้าวถือเป็นจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะน้ำมะพร้าวสามารถช่วยเสริมสร้างความสวยใสของผิวพรรณทำให้เปล่งปลั่งและ ขาวนวลขึ้นจากภายในสู่ภายนอก เพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนอยู่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ไม่เพียงเท่านี้ในน้ำมะพร้าวยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ ดี แถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย จึงช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสอีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุล ของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก


4.สปอร์ตดริ๊งค์จากธรรมชาติ

น้ำมะพร้าวมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูงรวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความ อ่อนเพลียเนื่องจากอาการท้องเสียหรือท้องร่วงได้ จึงจัดเป็นสปอร์ตดริ๊งค์ (Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ในประเทศไต้หวันและประเทศจีนยังนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมา หลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย


รู้อย่างนี้แล้ว หันมาหาน้ำมะพร้าวดื่มกันดีกว่าเพื่อสุขภาพที่ดี

ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว ช่วยให้ "ผิวสวย"

"อายครีม" กับ "รอบดวงตา" มีความจำเป็นไหม?

แน่นอนว่า "ดวงตา"เป็นส่วนที่บอบบางที่สุดของร่างกาย แต่คุณก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องซื้ออายครีมมา ทา รอบดวงตาเสมอไป เพียงแค่คุณมีครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำในปริมาณสูงคุณก็สามารถนำมาทา
รอบดวงตาได้แล้ว แต่เพื่อป้องกันการแพ้ขอใหัคุณตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนว่า อายครีม ทาหน้านั้นมีส่วนผสมของน้ำหอมอยู่หรือเปล่า




"อายครีม" กับ รอบดวงตา


ถึงแม้ว่าผิวหนังรอบดวงตาของเรานั้นจะเป็นส่วนที่ดูจะบอบบางที่สุดของร่างกาย แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อครีมทารอบดวงตาโดยเฉพาะเสมอไป หากว่าคุณใช้ครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำอยู่ในปริมาณสูง และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ คุณก็สามารถใช้ครีมนั้นทารอบดวงตาด้วยได้โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อครีมทาตาให้ สิ้นเปลือง แต่เพื่อเป็นการป้องการการแพ้หรือระคายเครื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ คุณก็ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าครีมที่ใช้ทาหน้านั้น มีส่วนผสมของน้ำหอมอยู่หรือเปล่า



เพราะนั่นคือสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ผิวรอบดวงตาเกิดอาการระคายเคือง ส่วนสารกันแดดอย่างซิงค์ออกไซด์และไทเทเนียมไดออกไซด์กลับไม่ก่อให้เกิด อาการแพ้มากนัก แต่ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่ายก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะใช้กับผิวรอบดวงตาจะเป็นการดีกว่า และจงจำไว้ด้วยว่าการทาครีมรอบดวงตานั้น จะต้องทำอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้นิ้วนางลูบไล้เบาๆ จากหัวตาไปหางตา เพราะนิ้วนางเป็นนิ้วที่มีแรงน้อยที่สุด จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้ผิวรอบดวงตาต้องเป็นปัญหาจากการทาครีมแรงๆ




"อายครีม" กับ "รอบดวงตา" มีความจำเป็นไหม?

มาดูประโยชน์ของ "สครับขัดผิว"

มาดูประโยชน์ของ "สครับขัดผิว"

หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงประโยชน์ของการสครับขัดผิวที่แน่ชัด ว่ามีประโยชน์และข้อดีอย่างไรบ้าง วันนี้เราจึงได้นำ เคล็ดลับดี ๆ ของประโยชน์่ของ สครับขัดผิว ในทุก ๆ สภาพผิวมาฝากกันค่ะ ไม่ว่าสภาพผิวของคุณจะเป็นช่นไร เรามีทุกคำตอบไว้ให้คุณแล้วค่ะ



สครับขัดผิว


คุณผู้หญิงทราบหรือไม่ค่ะว่าการขัดผิว นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง นอกจากจะช่วยให้ผิวสะอาดแล้วยังช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนเลือดที่อยู่ภาย ในให้หมุนเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผิวพรรณของคุณดูเปล่งปลั่งและมีน้ำมีนวลอีกด้วยค่ะ

ปกติผิวจะมีการผลัดเซลล์ผิวทุก 2-4 สัปดาห์ แต่เมื่ออายุเกิน 20 ปี การผลัดเซลล์ผิวจะช้าลงทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ การขัดผิวด้วยฟองน้ำ เกลือขัดผิว แปรง หรือวิธีอื่น ๆ จึงช่วยให้เซลล์ผิวผลัดตัวเร็วขึ้น ทำให้ผิวดูกระจ่างใส


การขัดผิว


- ผิวแห้ง การขัดผิวที่เสื่อมสภาพออกจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวผิวจึงไม่แห้งตึง

- ผิวผสม ลดปัญหาการเกิดสิวช่วยให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ

- ผิวมัน ช่วยให้รูขุมขนสะอาดขึ้นลดการอุดตันและลบเลือนรอยดำจากสิว

- ผิวที่มีริ้วรอย
กระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติให้ทำงานดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยและความหมองคล้ำ ผิวจึงดูสดใสและอ่อนวัยขึ้น

- ผิวที่ไม่เรียบเนียน
ช่วยลบเลือนจุดด่างดำและริ้วรอยที่เกิดจากสิว

- ผิวแตกลายหรือผิวเปลือกส้ม การขัดผิวด้วยฟองน้ำนุ่ม ๆ หรือใยบวบธรรมชาติที่แช่น้ำจนนิ่ม ในบริเวณที่ผิวแตกลาย เป็นคลื่น เป็นลอน ทุกวัน จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและลบเลือนริ้วรอยให้จางลงได้

การขัดผิวหน้าควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยวนมือเป็นวงกลมเบาื ๆ หลังขัดผิวควรหามอยส์เจอไรเซอร์มาเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รู้อย่างนี้แล้วสาว ๆ คนไหนอยากมีผิวสวยอย่าลืมหันมาขัดผิวกันดีกว่า

มาดูประโยชน์ของ "สครับขัดผิว"

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธีใช้ "ครีมกันแดด" อย่างถูกต้อง

หลักการและวิธีใช้ "ครีมกันแดด" อย่างถูกต้อง

ผู้หญิงที่กลัวแดดและกลัวดำ เชิญฟังทางนี้สักนิด ครีมกันแดดที่ คุณใช้นั้นอาจะมีประสิทธิภาพที่ดี แต่ถ้าคุณใช้ไม่ถูกวิธีและหละก็จะทำให้ประสิทธิภาพใน"ครีมกันแดด" ทำงานได้ไม่เต็มที่และเป็นเหตุให้ผิวคุณเสียได้ ฉะนั้นวันนี้เราเลยนำคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้"ครีมกันแดด"อย่างถูกวิธีมาฝาก กันจ้า



วิธีใช้ "ครีมกันแดด"

1. การทาครีมกันแดดนั้นหากจะให้ได้ประสิทธิภาพตามที่กำหนดก็ต้องใช้ปริมาณครีม ราว 1 ช้อนชาหรือประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับทาหน้าและคอ แนะนำให้แบ่งทา 2 รอบค่ะ

2. ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดราว 15 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดยึดติดกับผิวได้ดีกว่า และถ้าอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ ก็ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง


ทิปส์ วิธีใช้


3. หากต้องมีกิจกรรมกลางแดดต่อเนื่องหรือเล่นกีฬากลางน้ำกลางแดดควรเลือกครีมกันแดดชนิดกันน้ำ และทาครีมกันแดดซ้ำ ทุก 2 ชั่วโมง

4. ต้องทาครีมกันแดดเป็นประจำสม่ำเสมอ

โดยสรุป การหลีกเลี่ยงแสงแดดสามารถลดปัญหาที่เกิดจากแสงแดดได้ดีที่สุด นอกเหนือจากนี้ควรป้องกันแสงแดดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้ร่มเวลาที่ต้องออกแดด และการใช้ครีมกันแดดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรเลือกให้เหมาะสมกับแต่ ละบุคคล ร่วมกับวิธีการใช้ที่ถูกต้อง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีใช้ "ครีมกันแดด" อย่างถูกต้อง

เรื่องความสวยความงามของผู้หญิง "ที่ถูกมองข้าม"

เรื่องความสวยความงามของผู้หญิง "ที่ถูกมองข้าม"

ผู้หญิงหลายคนอาจจะมองข้ามมองสวยความงามที่ใกล้ตัว หรือคุณอาจจะคิดว่ามันอาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่นัก งั้นเรา ลองมาดูกันดีกว่าว่า ปัญหาความสวยความงามของผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เรามักจะมองข้ามมีอะไรบ้างแล้วจะมีประโยชน์ต่อเราแค่ไหน



ความสวยความงามของผู้หญิง


- ไม่ใช้ครีมบำรุงไม่ใช้ครีมกันแดด

ครีมบำรุงและครีมกันแดด คือ การป้องกันและดูแลผิวหน้าในระยะยาวที่ดีที่สุด แม้ว่าครีมที่เลือกใช้จะไม่ได้ผสมสารสกัดราคาแพงแต่การเติมน้ำให้ผิวและตาม ด้วยป้องกันแสงแดดในทุก ๆ ครั้งที่ออกจากบ้านจะช่วยยืดอายุผิวได้นาน และยังป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระได้ดี

- การเกาะตามกระแส

ผลิตภัณฑ์ความงามที่ซื้อตามคำบอกเล่าอาจไม่เหมาะกับเรา อย่างเมคอัพที่สีไม่เข้ากับผิว โลชั่นที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือสินค้าที่ราคาแพงเกินจริงแต่สามารถมองหาของดีใกล้เคียงได้ตั้งมากมาย




-การไม่ดูอายุผลิตภัณฑ์

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ความงามตามอายุของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ สังเกตได้จากฉลากข้างขวดที่จะบอกว่าใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในกี่ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาตินั้นจะอายุสั้นกว่าประมาณ 2-3 ปีตามเงื่อนไขของธรรมชาติ

- การชอบแต่ไม่ได้ใช้

เผลอซื้อผลิตภัณฑ์ความงามมาสะสมไว้จนใช้แทบไม่ทันสุดท้ายก็ต้องทิ้งไปเพราะ หมดอายุ ครั้งหน้าลองจดลิสต์ของที่ต้องการจริง ๆ ทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอไปซื้อให้เสียดายเงิน

- การลืมนึกถึงผลกระทบอื่น ๆ

ข้อนี้สำคัญเพราะเป็นการดีจะคิดหน้าคิดหลังก่อนซื้อ เช่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดีน่าใช้แต่กลับบรรจุในแพคเกจที่ชวนทำลายสิ่งแวดล้อมไม่ สามารถรีไซเคิลได้แถมยังใส่สารเคมีมากเกินจำเป็นและใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย

ขอขอบคุณขอมูลจาก เดลินิวส์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

เรื่องความสวยความงามของผู้หญิง "ที่ถูกมองข้าม"

ใช้ "ครีมบำรุงผิว" ราคาแพง อย่างไรให้คุ้มค่า

ใช้ "ครีมบำรุงผิว" ราคาแพง อย่างไรให้คุ้มค่า

ช่วงนี้ต้องยอมรับเลยว่าเศรษฐกิจของบ้านเราจะทำพิษเหลือเกิน และผู้หญิงหลายคนที่อยากจะดูแลผิวหน้าของ ตนเองโดยจำเป็นต้องซื้อครีมบำรุงผิวราคาแพง แต่ก็กังวลว่าถัาใชุ้ทุกวันแล้วจะไม่คุ้ม วันนี้เราจึงนำเคล็ดลับการใช้ ครีมบำรุงผิว ราคาแพงให้คุ้มค่ามาฝากกันค่ะ



"ครีมบำรุงผิว"


ฉะนั้นถ้าคุณอยากใช้"ครีมทาหน้า"ราคาแพงหรือ"ครีมบำรุง"และตั้งใจจะใช้"ดูแลผิวหน้า"ของ คุณทุกวันก็ทุ่มทุนซื้อไปเถอะนาน ๆ ซื้อใช้ทีก็ถือเป็นการให้รางวัลตัวเองทางหนึ่งดีกว่าซื้อของถูกมาแล้วใช้แค่ สองสามครั้งแล้วไม่แตะมันอีกเลย

แต่ด้วยความที่เป็นของแพงคุณก็ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุดอย่างแรกเลยคือใช้ใน ปริมาณที่พอดีผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการทาเยอะ ๆ ยิ่งส่งผลดี แต่จริง ๆ แล้วการใช้มากเกินไปก็อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้ผลิตภัณฑ์ที่เรามัก ใช้ในปริมาณที่มากเกินไปก็คือเคลนเซอร์ มอยสเจอไรเซอร์ และครีมทาตา

ครีมทาหน้า


นอกจากนี้ก็ควรยืดอายุครีมทาหน้าให้นานขึ้นโดยอย่าเก็บไว้ในห้องน้ำ เพราะความชื้นอาจทำให้ส่วนผสมต่าง ๆ แตกตัวได้คุณควรเก็บไว้ในตู้เย็นหรืออย่างน้อยที่สุดก็ในห้องนอนในบริเวณที่ แสงแดดส่องไม่ถึง
ขอขอบคุณขอมูลจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

ใช้ "ครีมบำรุงผิว" ราคาแพง อย่างไรให้คุ้มค่า

มาขัดผิวหน้า เพื่อลดปัญหาหน้าหมองคล้ำกันเถอะ

มาขัดผิวหน้า เพื่อลดปัญหาหน้าหมองคล้ำกัน

การขัดผิวหน้านั้นจะสามารถช่วยให้ผิวของเราไม่หมองคล้ำ แต่ผู้หญิงหลายคนยังกังวลเพราะยังไม่รู้ว่าจะต้องเลือก อย่างไรหรือว่าเลือกสูตรไหนถึงจะเข้ากับผิวหน้าของตนเอง เพราะฉะนั้นวันนี้เราลองมาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าผิวหน้าของคุณนั้น เหมาะกับสูตรไหนกันบ้าง



ขัดผิวหน้า


ควรเลือกสูตรอ่อนโยน        ใช้สครับที่มีส่วนผสมของผงขัดขนาด เล็ก (ซึ่งโดยปกติมักจะมีคำว่า Microdermabrasion Scrubs ปรากฏอยู่ด้วย) หรือแบบที่มีส่วนผสมของ กรดอัลฟ่า-ไฮดร็อกซี่ หรือเอนไซม์จากผลไม้ต่าง ๆ เพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกไป




การขัดผิวก่อนนอน  กรดไกลโคลิก กรดอัลฟ่า-ไฮดร็อกซี่ หรือ กรดเบต้า-ไฮดร็อกซี่ ที่เป็นส่วนผสมในสครับส่วนใหญ่นั้น มักทำให้ผิวหน้าของคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้นได้ ฉะนั้นก็ควรใช้ในเวลากลางคืนและใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอ และยูวีบีในตอนกลางวัน

การขัดผิวตอนแห้ง ๆ หลังจากที่ ล้างหน้าเสร็จแล้วก็ซับหน้าให้แห้งแล้วรอซักสองสามนาทีก่อนลูบไล้สครับลงบน ผิวหน้า และควรนวดเบา ๆ เป็นแนววงกลมช้า ๆ เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ขอขอบคุณขอมูลจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

มาขัดผิวหน้า เพื่อลดปัญหาหน้าหมองคล้ำกัน

วิธีดูแลผิวหน้าให้สวยใส ของสาววัยเลข 2

วิธีดูแลผิวหน้าให้สวยใส ของสาววัยเลข 2

ผู้หญิงทุกคนล้วนแล้วแต่มีความต้องการของผิวที่แตกต่างกันออกไป ฉะนั้นวันนี้เราจึงได้นำวิธีดูแลผิวหน้าของสาววัย เลข 2 ที่เหมาะกับคุณมาฝากกันค่ะ ไม่ควรรอช้ามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

วิธีดูแลผิวหน้า


วัยสร้างความแตกต่างอย่างมากในความงามของหญิงสาวแต่ใช่ว่าหญิงสาวในวัยที่ ยังมีความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติอยู่มากอย่างสาววัยเลข 2 จะสามารถลอยนวลจากกิจวัตรการดูแลความงานทั้งหลายแหล่ไปได้ เพราะในช่วงวัยเลข 2 การผลัดเซลล์ผิวของคุณจะลดลงไปราว 28 เปอร์เซ็นต์ และปัจจัยหลายอย่างภายนอกก็เริ่มที่จะส่งผลอย่างมากต่อผิวรวมถึงคุณยัง สามารถมีปัญหาสิวมากวนใจได้อยู่ ซึ่งหญิงสาวบางคนในวัยนี้อาจเป็นมือโปรเรื่องของการดูแลผิวแต่ก็ยังมีอีก จำนวนมากที่ใหม่ต่อการดูแลผิวพรรณอย่างเต็มรูปแบบ ให้เราได้เติมเต็มข้อมูลแก่คุณในเรื่องเหล่านี้เพื่อที่คุณจะประเมินได้ว่า อะไรที่คุณสามารถทำได้เพื่อจะทำให้มันดีขึ้น

ผิวคุณเป็นประเภทไหน
อย่างแรกก็คือ คุณต้องรู้ก่อนว่าผิวของคุณเป็นประเภทไหน ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม เพื่อที่คุณจะได้แน่ใจว่าคุณได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวของคุณ ไม่ว่าผิวของคุณจะเป็นประเภทไหนคุณสามารถมีผิวแพ้ง่ายด้วยก็ได้ ในขณะเดียวกันถ้าผิวคุณแพ้ง่ายคุณจะพบว่าผิวของคุณมีปฏิกิริยาต่อผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ และส่วนผสมบางอย่างได้ง่าย ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่ายคุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและออกแบบมาเพื่อผิวแพ้ง่าย โดยเฉพาะ


ดูแลรักษาผิวอย่างไร
ตอนนี้เมื่อคุณรู้จักประเภทผิวของคุณแล้วก็ถึงเวลาที่จะพูดถึงกิจวัตรในการ ที่จะดูแลผิวที่คุณต้องไม่ละเลยก็คือ การให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ถึงแม้ว่าผิวคุณจะยังมีความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติอยู่มากก็ตามคุณควรใช้มอ ยสเจอไรเซอร์เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนที่จะทำให้ผิวแห้ง ผิวที่ไม่ได้รับความชุ่มชื่นเพียงพอจะผลิตน้ำมันออกมากเกินไปและทำให้ผิว เกิดสิวเห่อขึ้นมาได้ ในวัยที่คุณควรเริ่มใช้อายครีมได้แล้วเพื่อปกป้องการเกิดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาซึ่งมักจะเริ่มเกิดขึ้นในวัยนี้
แต่ในวัยเลข 2 คุณยังไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนักกับการใช้ผลิตภัณฑ์แอนตี้เอจจิ้ง ไม่เพียงแต่มันจะทำให้กระเป๋าฉีกแล้วมันยังไม่จำเป็นอีกด้วย แต่บางอย่างที่ขอแนะนำให้เพิ่มเข้ามาไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใดก็ตามก็คือการ ขัดผิวเป็นประจำทุกสัปดาห์ คุณควรต้องจัดการผิวที่ตายแล้วซึ่งสะสมตัวอยู่บนผิวชั้นนอกออกไปโดยใช้ ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับประเภทผิวของคุณจะช่วยกำจัดเซลล์เก่าผิวใหม่ให้เผยตัวออกมาและ อย่าลืมดูแลผิวกายของคุณด้วย การใช้บอดี้สครับจะทำให้คุณมีผิวกายที่เรียบเนียนนุ่มละมุนเช่นกัน การมาส์กหน้าสัปดาห์ละครั้งก็จะเป็นการทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึกและทำ ให้รูขุมขนเล็กลงได้


ผิวเปล่งปลั่ง


สิวเจ้าปัญหา
สำหรับสาววัยหมายเลข 2 บ่อยครั้งเมื่อพวกเธอนึกว่าได้ผ่านพ้นช่วงวัยแห่งการมีสิวไปแล้ว สิวก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้าเสียอย่างงั้น ฉะนั้นนี้คือสิ่งที่คุณต้องใส่ใจเพื่อไม่ให้สิวเป็นปัญหากวนใจในช่วงวัยนี้

- ความสะอาด  อย่าเข้านอนโดยไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกโดยเด็ดขาดและควรทำความสะอาดผิวโดย ไม่ให้ผิวแห้งตึงหรือชำระล้างน้ำมันออกตามธรรมชาติของผิวมากจนเกินไป

- การอุดตันของรูขุมขนที่เป็นสาเหตุสำคัญของสิว จึงควรดูให้ดีว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีส่วนผสมที่อาจอุดตันรูขุมขนได้หรือเปล่า (เช่น ปิโตเลียมหรือลาโนลิน) และอาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยขัดลอกเซลล์ผิวบ้าง เพื่อป้องกันรูขุมขนอุดตันแต่ไม่ควรใช้มากเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่มีฤทธิ์ขัดลอกผิว (เช่น เอเอชเอ กรดซาลิไซลิก เรตินอยด์) มากเกินไปสามารถทำให้ผิวมีการขัดลอกเซลล์ผิวมากจนเกินอาการระคายเคืองได้

- อย่าแกะสิว อย่าเสี่ยงกับการคุ้ยแคะแกะสิวที่จะทำให้การติดเชื้อแพร่กระจายไปและเกิดแผลเป็น วิธีดูแลอย่างง่าย ๆ ก็คือ ทำความสะอาดผิวตามปกติและใช้ผ้าขนหนูอุ่น ๆ ประคบสิวสักครู่ จากนั้นจึงแต้มสิวหรือโลชั่นรักษาสิวที่มีส่วนผสมที่ฆ่าเชื้อและทำให้ผิว แห้ง เช่น กรดซาลิไซลิก ซัลเฟอร์ หรือเบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ เป็นต้น


แสงแดดตัวร้าย

หนึ่งในวิธีการรักษาความเปล่งปลั่งและอ่อนเยาว์ของผิวพรรณเอาไว้ให้นานที่ สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ การอยู่ให้ห่างจากแสงแดดเป็นประจำทุกวัน รังสียูวีเป็นเหตุให้เกิดความร่วงโรยได้มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญของการปกป้องผิวจากแสงแดดเพราะความเสียหายจาก แสงแดดที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเลข 2 จะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรจุดด่างดำและแม้กระทั่งมะเร็งผิวหน้า คุณจึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะโดนแดดจัดหรือไม่ก็ตามและคุณ จะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนเมื่อคุณเข้าสู่วัยเลข 30


กฎเหล็ก 5 ข้อ ของการดูแลผิว

ถ้าคุณไม่ละเมิดกฏทั้ง 5 ข้อนี้ รับรองได้ว่าคุณจะเป็นเจ้าของผิวอ่อนเยาว์ไปอีกนานแม้พ้นวัยเลข 2 ไปแล้วก็ตาม

1. ดื่มน้ำให้พอ ทำให้ร่างกายได้รับคสามชุ่มชื่นและช่วยไม่ให้ผิวแห้ง การบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ฉะนั้นดื่มน้ำให้มากขึ้นถ้าคุณกินสารให้ความหวนพวกนี้

2. กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาหารดี ๆ จะให้ประโยชน์ทั้งร่ายกายและผิวพรรณโดยเฉพาะผักและผลไม้ที่ป้องกันสิวไม่ให้แก่ก่อนวัยเนื่องจากมันมีสารอนุมูลอิสระจำนวนมาก

3. ขยับตัวซะบ้าง การ ออกกำลังทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีและนำสารอาหารมายังสิวได้อย่างมี ประสิทธิภาพ แต่ต้องระวังการสะสมตัวของน้ำมันและคราบเหงื่อที่จะทำให้เกิดสิวหรือผดผื่น ได้ง่าย ทางแก้คืออาบน้ำทันที่หลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จ

4. นอนให้พอ ผลเสียที่เห็นได้ชัดคือการเกิดรอยดำใต้ตาฉะนั้นนอนให้พอและพยายามอย่านอน ตะแคงท่าเดียวนาน ๆ การกดทับผิวเป็นประจำจะทำให้เกิดรอยย่นได้ในอนาคต

5. อย่าสูบบุหรี่ ไม่ว่าอายุเท่าใดก็ตามการงดสูบบุหรี่จะช่วยลดความเสียหายของผิวได้อย่างมาก


ขอขอบคุณขอมูลจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีดูแลผิวหน้าให้สวยใส ของสาววัยเลข 2

รู้จักวิธีดูแลผิวรอบดวงตา ให้ถูกวิธี

รู้จักวิธีดูแลผิวรอบดวงตา ให้ถูกวิธี

วันนี้เรามีวิธีดูแลผิวรอบดวงตามาฝากคุณผู้หญิงที่กำลังมี อุปสรรคมากั้นกลางความสวยบนใบหน้าของคุณค่ะ ด้วย วิธีดูแลผิวรอบดวงตา จะช่วยในเรื่องของ ถุงใต้ตา ขอบตาคล้ำเป็นแพนด้าน หรือกระทั้งริ้วรอยเราก็ช่วยคุณได้ด้วย วิธีดูแลผิวรอบดวงตา นี้ค่ะ เฮ้ย..อุปสรรคในการสวยของผู้หญิงอย่างเรานี่มีเยอะเหลือเกินเนอะแต่ไม่ เป็นไรนะถ้าเป็นเรื่องรอบดวงตาละก็ให้ วิธีดูแลผิวรอบดวงตา ช่วยล่ะกันนะจ๊ะ



วิธีดูแลผิวรอบดวงตา


ในแต่ละวันคุณอาจต้องสบตากับคนนับร้อยผิวรอบดวงตาจึงเป็นส่วนที่คน อื่นจะมองเห็นชัดมากที่สุด ถ้าตาบวมตุ่ยหรือใต้ตาดำคล้ำก็เท่ากับสูญเสียความสวยไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถ้าคุณเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขอย่างถูกวิธีก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีผิว รอบดวงตาที่สวยสะดุดใจ
ตาบวม
อาการบวมใต้ดวงตาเกิดมาจากการที่มีของเหลวมาคั่งอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมักเกิดขึ้นในตอนตื่นนอนเนื่องจากการสะสมตัวของของเหลวขณะนอนหลับหรือ เกิดจากการร้องไห้มาก ๆ เป็นไซนัสมีอาการภูมิแพ้ นอนไม่พอ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปและอาการบวมน้ำช่วงก่อนมีประจำเดือน

ข่าวดีก็คือ ตาบวมนี้จะเป็นแค่ชั่วคราวและแก้ไขง่ายโดยการนอนหนุนหมอนสูงหรือช่วยเร่งการ ระบายของเหลว ด้วยการใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ กดไล่น้ำบริเวณใต้ตาจากหัวตาออกไปทางหางตาหรือใช้ความเย็นประคบไม่ว่าจะเป็น น้ำแข็ง หรือทาครีม เจล หรือมาส์กบำรุงผิวรอบดวงตาที่แช่ไว้ในตู้เย็น

แต่อย่าสับสนระหว่างถุงใต้ตากับอาการตาบวมเพราะอาการคั่งของของเหลวเช่นนี้ มันอาจดูเหมือนเป็นเรื่องเดียวกันแต่จริง ๆ แล้วถุงใต้ตาเกิดจากการสะสมตัวของไขมันไม่ใช่ถุงน้ำใต้ตา ซึ่งมักเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์หรือเมื่อมีอายุมากขึ้นคุณก็อาจพบกับปัญหา นี้ได้เช่นกัน เนื่องเพราะผนังกล้ามเนื้อรอบเบ้าตาอ่อนแอไขมันรอบนอกจึงย้อยออกมารวมตัว ด้านหน้าเป็นถุงซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดหรือถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อาจ บรรเทาได้ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ช่วยเพิ่มอิลาสตินแต่ผลที่ได้ไม่ถาวรและอาจ เห็นผลไม่ชัดเจนเท่า

รอยคล้ำใต้ตา

รอยคล้ำใต้ตาเหมือนหมีแพนด้าแต่ไม่น่ารักเหมือนหมีแพนด้าตัวจริง เป็นอีกปัญหาที่บั่นทอนความงามของสาว ๆ และสาเหตุที่ทำให้ตาคล้ำเช่นนี้มีอยู่ 3 ข้อใหญ่ ๆ ซึ่งมีวิธีแก้แตกต่างกันไปนั่นก็คือ

- โครงสร้างของกระดูกเบ้าตา สาวที่มีเบ้าตาลึกรอยคล้ำจะยิ่งเห็นชัดขึ้น วิธีเดียวที่ช่วยได้ก็คือปกปิดรอยคล้ำซึ่งมักจะเป็นสีออกน้ำเงินด้วยคอนซี ลเลอร์ที่มีสีออกเหลือง

- เม็ดสีใต้ผิวหนัง กรรมพันธุ์ทำให้เม็ดสีผิวใต้ตาคล้ำกว่าส่วนอื่น ๆ คุณอาจใช้ครีมบำรุงที่ผสมวิตามินเอช่วยได้บ้าง แต่ต้องซ่อนด้วยคอนซีลเลอร์จะดีที่สุด

- การอักเสบบวมของเส้นเลือด การนอนดึกติดต่อกัน ภูมิแพ้และขาดสารอาหารจะทำให้เส้นเลือดใต้ผิวบาง ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะเลือดไปคั่งอยู่จึงเห็นความคล้ำชัดเจนสามารถอำพรางได้ ด้วยคอนซีลเลอร์อีกเช่นกัน หรือหากมีเวลาก็แปะแตงกวาเย็น ๆ ที่ล้างสะอาดหรือถุงชาแช่เย็นซัก 5-10 นาที ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัวลงได้แต่ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอและเปลี่ยน สไตล์การใช้ชีวิตด้วย


(ผิวรอบดวงตา)(ดูแลรอบดวงตา)(รอบดวงตา)2010


ริ้วรอยรอบดวงตา

ริ้วรอยรอบดวงตาส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นเนื่องจากวัยมันมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำ ให้เกิดริ้วรอยเมื่อเราอายุมากขึ้น โดยสาเหตุหลัก ๆ ก็คือ การลดลงของคอลลาเจนและอิลาสติน กรดไฮยาลูรอนิกในผิวที่ลดลงและสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวแสดงอารมณ์ต่าง ๆ บนใบหน้าที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กัน ก็มีส่วนในการทำให้ริ้วรอยต่าง ๆ แสดงตัวอย่างชัดเจนมากขึ้นด้วย

แต่การดูแลผิวอย่างเหมาะสมด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาอย่างเช่น ครีมหรือเจลจะสามารถป้องกันริ้วรอยบาง ๆ รอบดวงตาได้โดยเลือกอายครีมที่ไม่เพียงแต่ให้ความชุ่มชื้นหากมีส่วนผสมที่ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวได้ด้วย

อายครีมป้องกันริ้วรอยได้อย่างดีอายครีมเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกัน ริ้วรอยรอบดวงตาและควรใช้เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตามีปริมาณไขมันในผิวต่ำทำให้ผิวใต้ตาสามารถแห้ง ได้ง่ายเพราะมีปริมาณไขมันในชั้นผิวน้อย อายครีมจะช่วยรักษาทั้งความชุ่มชื้นและป้องกันรวมถึงลดเลือนริ้วรอยที่มี อยู่แล้วให้จางลงไปได้

สิ่งสำคัญไม่แพ้การเลือกอายครีมหรือเจลที่เหมาะกับสภาพผิวก็คือวิธีการทาควร ทาอายครีมลงบนผิวแห้งหรือชื้นเล็กน้อยหลังการทำความสะอาดและไม่มีผลิตภัณฑ์ อะไรทาอยู่ก่อน เราจึงแนะนำให้ทาอายครีมเป็นอย่างแรกก่อนทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงบริเวณบอบบางรอบดวงตาด้วย ในขณะที่ทาครีมเหล่านี้ควรใช้วิธีการตบเบา ๆ ลงบนผิวอย่าลากหรือดึงผิวหนังที่จะทำให้ผิวใต้ดวงตาเพราะเส้นเลือดที่อยู่ ใกล้กับผิวในบริเวณนี้มีความบอบบางมาก

การถูหรือดึงผิวรอบดวงตายังสามารถทำให้ความยืดหยุ่นของผิวลดลงและนำไปสู่ ความหย่อนคล้อยของผิวและรอยย่นที่มากขึ้นด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงการถูหรือดึงผิวบริเวณนี้และใช้นิ้วก้อยหรือนิ้วนางในการทา ครีมเนื่องจากเป็นนิ้วที่มีแรงกดน้อยที่สุด

นอกจากนี้เพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดดจึงเป็นไอเดียที่ดีในการทาครีม ซึ่งมีส่วนผสมของสารกันแดดเพื่อปกป้องผิวรอบดวงตาในเวลากลางวันด้วย

ดูแลเปลือกตา

เปลือกตาต้องโดนกระหน่ำเมกอัพหลากชนิดแทบทุกวันคุณจึงลืมไม่ได้ที่จะถนอม เปลือกตาด้วยการชำระล้างเมกอัพและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ให้เกลี้ยงก่อนเข้านอน ด้วยการแปะสำลีชุ่มอายเมกอัพรีมูฟเวอร์เพื่อให้อายเมกอัพละลายก่อนค่อย ๆ ปาดลงแล้วเช็ดซ้ำเบา ๆ จนเกลี้ยง จากนั้นอาจใช้คอตตอนบัดชุบอายเมกอัพรีมูฟเวอร์แล้วเช็ดตามขอบตาและซอกมุม เล็ก ๆ ให้สะอาดหมดจดยิ่งขึ้น


ขอขอบคุณขอมูลจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

ดีเกลือฝรั่ง วิเศษช่วย ผิวสวยใส

ดีเกลือฝรั่ง วิเศษช่วย ผิวสวยใส

ผู้หญิงหลายๆคนอาจยังไม่รู้จักว่า ไอ้เจ้า "ดีเกลือฝรั่ง" หรือ "Epsom Salts" (ดีเกลือฝรั่งหาซื้อได้ตามร้านขายยาไทยจีน) มีประโยชน์มากมายแค่ไหน ดีเกลือฝรั่ง นอกจากจะใช้เป็นยาถ่ายได้แล้วยังสามารถนำมาใช้ในการดูแลความสวยความงามได้ อีกแถมยังช่วยรักษาสิวได้ด้วยและยังมีอื่นอีกหลายวิธีมาดูกัน



ประโยชน์ ดีเกลือฝรั่ง


1. แช่น้ำอุ่นให้สบาย โดยผสมดีเกลือฝรั่งลงในน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง

2. แช่เท้า เพื่อ ขจัดกลิ่นและทำให้ผิวหยาบ ๆ นุ่มลง ผสมดีเกลือฝรั่ง ½ ถ้วยตวงลงในอ่างน้ำอุ่น จากนั้นก็แช่ให้สบายเสร็จแล้วก็ล้างน้ำแล้วเช็ดให้แห้ง

3. ทำความสะอาดผิวหน้า ผสมดีเกลือครึ่งช้อนชาเข้ากับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตามปกติของคุณ ใช้นวดลงบนผิวหน้าให้ทั่วแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

4. พอกหน้า ถ้าคุณมีผิวธรรมดาถึงผิวมันก็ผสมบรั่นดี 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง นมผงแบบไร้ไขมัน ¼ ถ้วยตวง น้ำมะนาว 1 ลูก และดีเกลือ ½ ช้อนชาเข้าด้วยกันแล้วทาลงบนผิวที่เปียกหมาด ๆ แต่ถ้าคุณมีผิวแห้งก็ผสมแครอทบดละเอียด ¼ ถ้วย มายองเนส 1 ½ ช้อนชา และดีเกลือฝรั่ง ½ ช้อนชาเข้าด้วยกัน


ดีเกลือฝรั่ง


5. ขัดผิวกาย  นวดดีเกลือฝรั่งหนึ่งกำมือลงบนผิวเปียก ๆ โดยเริ่มจากเท้าขึ้นมาหลังจากนั้นก็อาบน้ำตามปกติ

6. ขจัดน้ำมันส่วนเกิน  ถ้าเส้นผมของคุณเป็นมันเยิ้มก็เติมดีเกลือฝรั่ง 9 ช้อนโต๊ะลงในแชมพูสำหรับผมมัน ½ ถ้วย ทาส่วนผสมนั้นลงบนเส้นผมในขณะที่ผมแห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น เทน้ำส้มสายชูที่ทำจากแอปเปิ้ลลงบนเส้นผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก

7. ล้างสเปรย์ฉีดผม  ผสมน้ำ 1 แกลลอน น้ำมะนาว 1 ถ้วยตวง และดีเกลือฝรั่ง 1 ถ้วยตวงเข้าด้วยกันปิดฝาทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเทลงบนเส้นผมในขณะแห้งปล่อยทิ้งไว้ 20 นาที  แล้วสระผมตามปกติ

8. เพิ่มความพองให้เส้นผม ให้ผสมคอนดิชันเนอร์ชนิดล้ำลึกเข้ากับดีเกลือฝรั่งในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน นำไปอุ่นให้ร้อน แล้วนำมาทาลงบนเส้นผมทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก


ขอขอบคุณขอมูลจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

ดีเกลือฝรั่ง วิเศษช่วย ผิวสวยใส

เรียนรู้ 27 วิธีทําให้ผิวขาว

เรียนรู้ 27 วิธีทําให้ผิวขาว

หากพูดถึงวิธีทำผิวขาวผู้หญิงหลายคนอาจหูผึ่งและยิ่งเมื่อได้รู้ว่ามีวิธีที่จะสามารถทำให้คล่ำ ๆ ของคุณทำให้กลาย เป็นผิวขาวใสขึ้นได้ คุณผู้หญิงหลายคนคงจะไม่ปฏิเสธถึงเคล็ดลับ 27 วิธีทำให้ผิวขาว ที่เรากำลังจะบอกคุณ ๆ ใช่ไหม


วิธีทําให้ผิวขาว ได้แก่


1. วิธีขัดผิว  (Exfoliating)  หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้ารากศัพท์ของมันมาจากคำว่า "foliage" ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบน สุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่าอยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้วเซลล์ผิวเก่า ก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวาและดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่าที่บดบังความสดใสนั่นเอง

2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิว ก็ ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่าง ๆ เช่น ใยบวบหรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง



3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง  และหากขัดมากเกินไปก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่น ๆ ได้ง่าย

4. ถ้าไม่กำจัดออกไปผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือผิวจะหม่นหมองดูแล้วมีความมันหรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดีทำให้ของเสียเกิดการสะสม ตัว

5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้าก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง   และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง

6. วิธีขัดผิวที่ถูกต้อง   สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบและผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย

7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบา ๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบา ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียนใช้น้ำล้างออกให้สะอาดซับให้แห้งแล้วทาครีม บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น

8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล
  เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็นเม็ดกลมเพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอกขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาดแล้วล้างออก ด้วยน้ำมาก ๆ

9. ใยบวบ  หรือใยขัดธรรมชาติเป็น อุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไปอาจทำให้แสบผิวได้เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสากและ หยาบ เวลาขัดจึงควรขัดเบา ๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำและเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้ แห้ง

10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว  หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิวโดยใช้ร่วมกับสบู่หรือเจลอาบน้ำก็ได้

11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ
  โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่างเติมเกลือเม็ดลงไปและเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่าง ให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบา ๆ ให้ทั่วตัวและล้างตัวด้วยน้ำสะอาด

12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี  โดยขัดเบา ๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไปหรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่หรือเจลอาบน้ำก็ได้

13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนาน ๆ


(ผิวขาวใส)(วิธีขัดผิว)2010


14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง  โดยการใช้เกลือเม็ดเล็ก ๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่วแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้าย ๆ กัน คือมีบีด (beads)  ซึ่งอาจทำจากเกลือ น้ำตาล อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอมอีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด

16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่าย ๆ ด้วย การใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อยแต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคืองมี น้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ

17. มะขามเปียก สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคลมี  ความเป็นกรดช่วยทำความสะอาดผิวทำให้ผิวขาวใสมีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิ แดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อน ๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ววิตามินสูงแต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรดเหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวังลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรกแต่ไม่เป็นกรดมาก

18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว   เช่น มะขามเปียกก็สามารถนำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่าย ขึ้น

19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด  เช่น เกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคืองและกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคมจึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจาก นั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการเสียดสี

20. ถ้าคุณมีผิวมัน  ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้

21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง  ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลักปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง

22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่าย  ใช้แค่งาขาว งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ

23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่นและเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคน ผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิวแต่เกรงว่าผิวจะแห้งเกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้วน้ำมัน ยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป

24. การเพิ่มนม โยเกิร์ต น้ำผึ้ง หรืออื่น ๆ  ที่ช่วยบำรุงผิวสามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไปลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืด เล็กน้อยจับตัวอยู่บนผิวได้และสะดวกแก่การขัด

25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์  สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหยเข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้

26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง
เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง ต่อมน้ำเหลืองโต มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมาก ขึ้น

27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด  ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อย ๆ เน้นไปที่ร่องจมูกเลี่ยงจุดที่บอบบางมาก ๆ เช่น รอบดวงตา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 247freemag ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

เรียนรู้ 27 วิธีทําให้ผิวขาว

รู้จัก! รักษาฝ้า เพื่อหน้าสวยขาวใส

รู้จัก! รักษาฝ้า เพื่อหน้าสวยขาวใส

"ฝ้า" เมื่อได้ยินคำนี้ผู้หญิงหลายคนคงไม่อยากได้ยินหรือไม่อยากเจอกับตัวเองเลยด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าต้องมาเป็นบนใบสวย ๆ คงจะอดไม่ได้ที่จะกลุ้มอกกลุ้มใจกันเหลือเกิน ฉะนั้นวันนี้เราจึงมีคำแนะนำในการ รักษาฝ้า แต่ก่อนหน้านั้นเรามาำการรู้จักกับ ฝ้ากันก่อนค่ะ

 
ฝ้า คือ แผ่นสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลเข้มบนใบหน้ามักพบที่แก้ม หน้าผาก จมูก เหนือริมฝีปากและคาง นอกจากนี้อาจพบได้ที่คอและแขนด้านนอกพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายโดยเฉพาะใน ระหว่างการตั้งครรภ์และในวัย 30 และ 40 ปีขึ้นไป

ฝ้าเกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีซึ่งอยู่ในชั้นหนังกำพร้ามีการสร้างเม็ดสี เมลานินออกมามากผิดปกติ และส่งเม็ดสีให้เซลล์ผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมากกว่าปกติด้วย

วิธีการรักษาฝ้า


ควรแนะนำข้อปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วย คือ อย่าถูกแดดมาก (เวลาอยู่กลางแจ้งควรใส่หมวกหรือกางร่ม) ควรหลบแสงไฟแรง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมและเครื่องสำอางที่สำคัญควรพักผ่อนให้เพียงพอและ อย่าเครียด

การใช้ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีและ เร่งเซลล์ผิวหนังชั้นบนซึ่งมีเม็ดสีเมลานินที่สร้างขึ้นมาแล้วให้หลุดลอกออก ไป (ยารักษาฝ้าในปัจจุบันมักประกอบด้วยสารหลายชนิดที่สำคัญคือ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) กรดวิตามินเอและสเตอรอยด์เป็นยารักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพดีแต่อาจเกิดผลข้าง เคียงจากการระคายเคืองได้จึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์)

การป้องกันไม่ให้เกิดฝ้ามากขึ้นโดยหลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ครีมกันแดดที่มี ค่าป้องกันสูง หลีกเลี่ยงการได้รับฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด เครื่องสำอาง และน้ำหอมที่มีฮอร์โมนหรือสเตอรอยด์เป็นส่วนผสม

การลอกฝ้าควรใช้ในรายที่แพทย์เห็นสมควรโดยใช้ยาลอกฝ้า ได้แก่ ไฮโดรควิโนนขนาด 2-4% ทาวันละ 2 ครั้งจะช่วยลดการสร้างเม็ดสี ทำให้ฝ้าจางลงได้ยานี้อาจทำให้แพ้ได้ จึงควรทดสอบโดยทาที่แขนแล้วทิ้งไว้ 2-3 วัน(ห้ามล้างออก) ดูว่ามีผื่นแดงหรือไม่ถ้ามีก็ห้ามใช้ยานี้

ใช้ยากันแสง ได้แก่ พาบา (PABA ซึ่งย่อมาจาก Para-amin Benzoic Acid) ทาตอนเช้าหรือก่อนออกแดด ควรใช้ชนิดที่มีความสามารถในการกรองแสง (Sun Protective Factior/SPF) มากกว่า 15 ขึ้นไป ยานี้อาจทำให้แสบตา แสบจมูก เป็นสิวหรือแพ้ได้ โดยทั่วไปมักจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าอาการจะดีขึ้นและจะต้องใช้ยากันแสง ไปเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันการกลับเป็นฝ้าอีก ถ้าไม่ดีขึ้นใน 1-2 เดือน หรือแพ้ยาที่ทารักษาฝ้าหรือสงสัยเป็นโรคอื่นควรปรึกษาแพทย์ทางโรคผิวหนัง การใช้แสงเลเซอร์ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์


ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า คือ

ฮอร์โมนการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ เช่น ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือวัยหมดประจำเดือนและการได้รับฮอร์โมนจากภาย นอกร่างกายทำให้มีโอกาสเป็นฝ้าได้มาก เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนผสมอยู่

แสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกระตุ้นเซลล์ให้สร้างเม็ดสีมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าและมีส่วนสำคัญที่ทำให้ฝ้าเข็มขึ้นอีกด้วย เชื่อว่าเกิดจากแสงอัลตราไวโอเลต A,B และ Visible Light จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00-15.00 น.

- ความเครียด สารเคมี (เช่น น้ำมันดิน) น้ำหอม เครื่องสำอาง ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้าหรือรอยด่างดำบนใบหน้าได้

- ผู้ที่เป็นโรคบางชนิด เช่น เนื้องอกของรังไข่ โรคแอลดิสัน ก็อาจทำให้หน้าเป็นฝ้าดำได้เช่นกัน

- พันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในผู้ที่เป็นฝ้าที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน

- ผลข้างเคียงจากยา เช่น ยากันชัก เป็นต้น


รักษาฝ้า


เรื่องควรรู้เกี่ยวกับฝ้า

1. ฝ้าที่เกิดจากการตั้งครรภ์ โดยการกินหรือฉีดยาคุมกำเนิดอาจหายได้เองหลังคลอดหรือหลังหยุดใช้ยาคุม กำเนิด (อาจใช้เวลาเป็นสองเท่าของระยะเวลาที่กินยาคุมกำเนิด เช่น ถ้ากินยาอยู่นาน 1 ปี ก็อาจใช้เวลาถ้า 2 ปี กว่าฝ้าจะหาย)

2. ฝ้าอาจมีสาเหตุจากโรคที่ซ่อนเร้นภายในร่างกาย เช่น เนื้องอกของรังไข่ โรคแอดดิสัน เป็นต้น นอกจากนี้ โรคเอสแอลอี ก็อาจมีผื่นแดงขึ้นที่แก้มคล้ายรอยฝ้าได้ ดังนั้นถ้าพบมีอาการผิดสังเกตอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย เป็นลมบ่อย ปวดข้อ ผมร่วง เป็นไข้เรื้อรัง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

3. ยารักษาฝ้าบางชนิดอาจมีสารเคมีที่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ทำให้หน้าขาววอกเป็นรอยแดงหรือเป็นรอยด่างอย่างน่าเกลียด ดังนั้น จึงควรระมัดระวังอย่าซื้อยาลอกฝ้ามาทาเองอย่างส่งเดช โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่โฆษณาว่าทำให้หายได้ทันที ยาลอกฝ้าที่ผสมสารปรอทอาจทำให้ฝ้าจางลงแต่อาจมีอันตรายจากการสะสมปรอทที่ผิว หนังและในร่างกายได้

4. ในการรักษาฝ้าอาจต้องใช้เวลานานเป็นแรมเดือนหรืออาจไม่มีทางรักษาให้หายขาด เพียงแต่ใช้ยากันแสงและยาลอกฝ้าทาไปเรื่อย ๆ ถ้าหยุดยาอาจกำเริบได้ใหม่ สำหรับฝ้าที่อยู่ตื้อ ๆ (สีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม) มักจะรักษาได้ผลดีแต่ฝ้าที่อยู่ลึก (สีน้ำตาลเทาหรือสีดำ) อาจได้ผลช้าหรือไม่ได้ผลเลย

5. การลอกหน้า ขัดผิว ตามร้านเสริมสวยทั้งน่ากลัวแล้วยังอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การแพ้ส้มผัส จึงไม่แนะนำให้ไปลอกหน้า ขัดผิว

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับกระ

กระ จัดเป็นเรื่องปกติของคนเอเชียผิวใครไม่มีกระต่างหากที่ถือเป็นเรื่องแปลก กระจะเกิดขึ้นในคนที่มีผิวขาวโดยมีแสงแดดเป็นตัวกระตุ้น และมีกรรมพันธุ์เป็นพื้นฐาน

เป็นเรื่องจริงที่ว่า ถ้าไม่ถูกแสงแดดก็จะไม่เกิดกระ ดังนั้นเราจะพบการเป็นกระเฉพาะบริเวณที่ถูกแสงแดด อาทิ เช่น ใบหน้า คอ แขน เป็นต้น และกระจะมีสีเข้มและมีจำนวนมากขึ้นในฤดูร้อนที่แดดแรงและจะจางลงในฤดูหนาว

วิธีการรักษากระแบ่งเป็น 2 แนวคิด คือ

หมอจะพยายามเตือนให้คนไข้หลีกเลี่ยงแสงแดดและทายากันแดด (SPF30) ทุกวัน หรืออาจจะใช้ครีม Whitening ไปทาเพื่อให้สีกระจางลง

หมอจะยิงเลเซอร์ให้คนไข้ซึ่งกระก็จะหายไปแต่ค่าใช้จ่ายจะสูงมากและหลังจาก ยิงเลเซอร์แล้วจำเป็นอย่างยิงที่จะต้องดูแลตัวเองไม่ให้ถูกแสงแดดหรือไอแดด มิฉะนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาเป็นอีก



ขอขอบคุณข้อมูลจาก first ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

รู้จัก! รักษาฝ้า เพื่อหน้าสวยขาวใส

วิธีทําให้ผิวขาวใส 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมองให้ขาวใส


วิธีทําให้ผิวขาว

วิธีทําให้ผิวขาวใส 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมองให้ขาวใส
        
          ในหมู่คนรักสวยรักงาม เป็นที่ทราบกันแบบอวดอ้างกล่าวขานต่อๆ กันมาว่า "กลูต้าไธโอน" เป็นสารที่ทำให้ผิวขาวผ่องและเป็นที่นิยมกันมาก แม้สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจะออกมาเตือนผู้บริโภค ว่าไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์หรือยาอาจช่วยให้ผิวขาวได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ

          
อืม... แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะคะ สาวๆ ก็ต้องมาคู่กับความสวยความงาม วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วย ว่าแล้วไปดู  12 วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองกันเลย...

            1. การขัดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

          
2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

          
3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่ จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

          
4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

          
5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

          
6. ครีมกันแดด ควร เป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

          
7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดย ให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

          
8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะ การออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

          
9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

          
10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

          
11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้า ผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

          
12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตร วิธีทําให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้

           วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก

           วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม

           
วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็น สูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ

           วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ

           วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน 

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

แต่งน้อยแต่สวยเยอะ สไตล์ Asian Look



แต่งน้อยแต่สวยเยอะ สไตล์ Asian Look (เดลินิวส์)

         ใครว่าสมัยนี้ถ้าอยากสวยต้องโบ๊ะแป้งหนา ตื่นตี 5 มาแต่งหน้า มาเรียนรู้วิธีการแต่งแบบประหยัดเวลา แต่รับรองหน้าเด้งจนใครๆ ทักดีกว่า

         วันนี้พาสาวๆ เดลินิวส์ออนไลน์ มารู้จักการแต่งหน้าสไตล์ Asian Look ที่เหล่าดาราฮอลลีวู้ดยังแต่งตาม อย่ารอช้า สำรวจเครื่องสำอางในกรุให้พร้อม แล้วลุยเลย

 เตรียมผิวให้พร้อม

         หลังจากลงครีมบำรุง ตามด้วยกันแดด ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การเตรียมผิวให้พร้อมก่อนเผยผิว การแต่งหน้าแบบนี้ไม่แนะนำให้ใช้รองพื้น แต่อยากให้ลองมองหาเบส (Base) หรือ ทินส์เท็ด มอยเจอร์ไรเซอร์ (Tinted Moisturizer) ทาให้ทั่วหน้า แต่ถ้าใครยังไม่มั่นใจ อนุญาตให้ใช้คอนซีเลอร์ปกปิดเฉพาะจุดบกพร่องร่วมด้วย









 เนียนใสแบบบางเบา

         ใครไม่เคยลองใช้แป้ง Loose Powder หรือแป้งแบบโปร่งแสง แนะนำให้หามาลองซะ ใช้แล้วจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสอันบางเบา โปร่งสบายผิว ที่สำคัญช่วยทำให้ใบหน้านวลเนียน ดูสุขภาพดี และคุมความมันได้ดีเยี่ยม




 แต่งแต้มสีสันแบบมีมิติ
         วันนี้ใครชอบแบบสโมคกี้อาย ต้องพักไว้ก่อน เพราะการทาตาแบบนี้ ให้ใช้สีอ่อนที่มีประกายมุกละเอียดสุดๆ ไล่จนถึงหางคิ้ว จะช่วยให้ตาโตขึ้นแบบไม่ตั้งใจ




 ดวงตากลมโตน่ารัก

         วันนี้งดใช้อายไลเนอร์สีดำ ขอเป็นสีน้ำตาล หรือ สีคาปูชิโน เขียนเส้นเล็กๆ เฉพาะขอบตาบน ปัดขนตาฟูๆ อีกนิด รับรองน่ารัก สไตล์เบบี้ ดอล




 ปากกับแก้มขอใสๆ

         มองหาลิปสีโทนส้มอ่อน พีช หรือชมพูนม แบบถ้ามีสีน้ำตาลเจืออยู่นิดๆ ยิ่งสวย ทาให้ทั่วปากดูเลอะๆ แบบไม่ตั้งใจ ได้อารมณ์หญิงสาวชวนฝัน ปัดแก้มขอสีอ่อนแบบสุขภาพดี ดูมีเลือดฝาด




 หัวใจสำคัญขาดไม่ได้
         ลงทุนกับชิมเมอร์เนื้อละเอียด สัก 1 สี เลือกให้เหมาะกับสีผิว มีไว้เป็นสามัญประจำบ้านของทุกครัวเรือน จะสีชมพู น้ำตาล พีช แอพปริคอท หรือ น้ำตาลทองก็ไม่ว่า เพราะเป็นได้ทั้งอายแชโดว์ บรัชออน ไฮไลท์ แต่วันนี้ขอเอามาปัดทับบรัชเฉพาะบนโหนกแก้ม  ช่วยหลอกตาให้ผิวดูตึง เปล่งปลั่ง มีมิติแบบไม่ต้องลงทุนมาก

         จำ ไว้!! การแต่งหน้าแบบนี้ จะง่ายมาก ถ้าหญิงสาวคนไหน มีผิวสุขภาพดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญกว่าการ Make Up เพื่อปกปิด คือการดูแลสุขภาพผิวหน้าให้ดีนะจ๊ะสาวๆ




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ความผิดพลาดในการแต่งหน้าที่พบบ่อย

Quick Fixes for Makeup Mishaps (Lisa)

           มาเรียนรู้ทางออกง่ายๆ สำหรับความผิดพลาดในเรื่องเมกอัพที่พบกันได้บ่อยที่สุด...
           ปัญหา จากการแต่งหน้าอาจทำลายช่วงเวลายามเช้าของทุกคนได้ แต่มันไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป ไม่ว่าคุณจะทำอายไลเนอร์เลอะเทอะหรือปัดบลัชออนมากเกินไป คุณก็ยังสามารถแต่งตัวเสร็จได้ทันเวลาเสมอต่อไปนี้คือความผิดพลาดในเรื่อง การแต่งหน้าที่พบกันบ่อยที่สุด พร้อมเคล็ดลับในการแก้ไข

            อายไลเนอร์ไม่เรียบ การทาอายไลเนอร์ไม่ได้ง่ายเหมือนเขียนหนังสือ ที่จริงคุณต้องใช้เวลาฝึกฝนพอสมควรกว่าจะเขียนเส้นได้สวยงาม ซึ่งก่อนที่คุณจะทำได้เช่นนั้นก็คงต้องเจอความผิดพลาดที่ว่านี้ แก้ไขข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการใช้อายแชโดว์สีเดียวกับอายไลเนอร์ทาทับลงไป แต่ถ้าเส้นขอบตาของคุณออกนอกลู่นอกทางมากเกินไป ให้ใช้ก้านสำลีจุ่ม อายเมกอัพรีมูฟเวอร์และลบเส้นนั้นอย่างเบามือ เคล็ดลับในการเขียนเส้นก็ คือ ถ้าคุณชอบอายไลเนอร์แบบลิควิดเขียนเส้นขอบตาด้วยดินสอก่อน แล้วเขียนทับด้วยแบบลิควิด มันจะช่วยให้เขียนเส้นได้เรียบตรงกว่า

            บลัชมากเกินไป ถ้าคุณมีปัญหากับบลัชออนแบบฝุ่นใช้ก้อนสำลีปัดส่วนเกินออกไปก่อน แล้วใช้แปรงขนาดใหญ่จุ่มแป้งฝุ่นโปร่งแสงปัดทับลงไปอีกครั้ง ถ้าเป็นบลัชแบบครีม ก็ทำให้เจือจางลงด้วยการใช้ฟองน้ำชื้นๆ เช็ดออก ครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้ทาบลัชมากเกินไป เวลาทาบลัชให้ยืนข้างหน้าต่าง แสงธรรมชาติจะช่วยให้คุณเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ปัดบลัชทีละน้อยและค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อเริ่มเห็นสีเล็กน้อยก็ให้หยุดทันที

            มาสคาร่าเลอะเปลือกตา อย่าใช้ปลายนิ้วหรือทิชชูเช็ด เพราะจะยิ่งทำให้มาสคาร่าฝังลึกลงไปในผิวและเห็นได้ชัดเจนขึ้น วิธีจัดการโดยไม่ทำให้อายแชโดว์เลอะเลือนก็คือ ใช้ก้อนสำลีชุบมอยสเจอไรเซอร์เล็กน้อย เช็ดรอยเลอะออก คุณอาจต้องเติมแต่งเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด สำหรับรอยเลอะที่ขอบตาล่างใช้พู่กันเล็กๆ แต้มรองพื้นเล็กน้อยป้ายทับลงไปบนรอยเปื้อนเพื่อพรางมัน

            รองพื้นหนาเตอะ การทารองพื้นมากเกินไปทำให้มันเป็นชั้นหนาและแตกย่น สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ฟองน้ำขึ้นๆ เช็ดออก ใส่ใจตรงรอยย่นเป็นพิเศษ เพราะตรงนี้คือที่ซึ่งรองพื้นมักลงไปติด จากนั้น เกลี่ยรองพื้นที่เหลือด้วยฟองน้ำแห้งๆ ถ้าคุณทาแป้งทับลงไปแล้ว ให้ใช้น้ำฉีดผิวเล็กน้อยก่อนทำตามขั้นตอนเดียวกัน

            ลิปสติกติดฟัน หลังจากทาลิปสติกแล้ว เอาทิชชูพันนิ้วชี้ ห่อปาก  แล้วสอดนิ้วชี้ลงไปในปาก จากนั้นดึงนิ้วออกมา มันจะกำจัดลิปสติกส่วนเกินออกและทำให้คุณไม่มีลิปสติกติดฟันอีกต่อไป

            น้ำหอมมากเกินไป คุณอาจฉีดน้ำหอมหลายครั้งไปหน่อย หรือบังเอิญทำน้ำหอมหกรดแขนตัวเอง ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ให้ใช้โลชั่นแบบไร้กลิ่นหอมทาลงบนจุดที่น้ำหอมหกรดหรือคุณฉีดน้ำหอมมากเกินไป เพื่อทำให้กลิ่นเจือจางลง แล้วใช้ทิชชูเช็ดโลชั่นออกครั้งต่อไปที่ฉีดน้ำหอม ให้ฉีดก่อนใส่เสื้อผ้า โดยฉีดขึ้นไปในอากาศและเดินผ่านละอองน้ำหอม เพื่อให้น้ำหอมกระจายตัวลงบนผิวอย่างทั่วถึงแต่เป็นชั้นบางเบา


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปัดมาสคาร่าให้สวย

ปัดมาสคาร่าให้สวย (Lisa)
          มาสคาร่าคือสิ่งที่ช่วยทำให้ดวงตาดูสวยโดนเด่นขึ้นทันที แต่การปัดมาสคาร่าอาจกลายเป็นเรื่องยากสำหรับสาวๆ เราเลยหาวิธีปัดมาสคาร่าที่ถูกต้องมาฝากคุณแล้ว คุณควรเริ่มปัดจากขนตาบนก่อน โดยปัดจากโคนขนตาเรื่อยไปจนถึงปลายขนตา เคล็ดลับที่จะทำให้ขนตางอนงามได้นานๆ ก็คือ ปัดย้ำบริเวณโคนขนตาเป็นพิเศษ 
          ส่วนการปัดมาสคาร่าบริเวณขนตาล่างนั้น ควรจะใช้แค่ปลายแปรงเขี่ยไปเขี่ยมาก็พอ เพราะถ้าปัดมาสคาร่าเยอะเกินไป ก็อาจทำให้บริเวณใต้ตาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนได้ 
          และเคล็ดลับสุดท้ายที่ได้มาจากช่างแต่งหน้า คือ การหักหัวแปรงปัดมาคาร่าให้เป็นรูปเครื่องหมายถูก จะช่วยทำให้ปัดมาสคาร่าได้สะดวกสบายขึ้น