วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มาดูวิธีการตรวจสอบกลูต้าไธโอน ว่าเป็นของแท้ หรือ ของปลอมหรือไม่

มาดูวิธีการตรวจสอบกลูต้าไธโอน ว่าเป็นของแท้ หรือ ของปลอมหรือไม่

มีหลายๆคนเค้าบอกว่าให้ใช้เบตาดีนทดสอบกลูต้าไธโอนได้ จะจริงหรือไม่ เรามาดูกันนะครับ

ในการใช้เบตาดีนหยดลงในน้ำให้กลายเป็นสีน้ำตาล แล้วใช้กลูต้าไธโอนละลายลงไปผสมนั้น หากเป็นกลูต้าไธโอนแท้น้ำก็จะกลายเป็นสีขาวใส แต่ถ้าเป็นของปลอมจะไม่เปลี่ยนสี จริงหรือไม่ ?

งั้นก่อนอื่นเรามารู้จักเบตาดีนกันก่อนดีกว่า เบตาดีน ก็คือ Povidine-Iodine โดยที่ ไอโอดีน ( I – ) เป็นธาตุหมู่ 7 ตามตารางธาตุ ซึ่งคุณสมบัติของธาตุหมู่นี้ ก็คือ ไวต่อการทำปฏิกิริยา ดังนั้น Glutathione จึงสามารถปฏิกิริยาให้น้ำเปลี่ยนสีได้เพราะเป็นสาร anti-oxidant ได้ไปจับกับ ไอโอดีน แต่วิธีนี้ก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจง หากใช้สาร anti-oxidant ตัวอื่นๆทดลองก็สามารถทำให้น้ำเบตาดีนนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาวใสได้เหมือนกัน เช่น วิตามินซี วิตามินอี เบต้า-แคโรทีน เป็นต้น ไม่เพียงแค่ anti-oxidant เท่านั้นที่ทำให้น้ำเบตาดีนเปลี่ยนสีได้ ผงชูรส ก็สามารถทำให้น้ำเบตาดีนเปลี่ยนสีเป็นใสได้เหมือนกัน ลองทดสอบกันดูนะครับ

ผงชูรสทำให้น้ำที่ใส่เบตาดีนใสได้อย่างๆไร ?(วิธีทดสอบกลูตาไทโอน)

ก็เพราะว่าผงชูรส คือ Monosodium-glutamate (C5H8NNaO4) ดูจากชื่อก็จะเห็นว่ามี sodium (Na+ ) เป็นส่วนประกอบซึ่งจะทำปฏิกิริยากับ ไอโอดีน (I- ) จะได้สารประกอบ NaI จึงทำให้น้ำเบตาดีนเปลี่ยนสี เป็นขาวใสขึ้นได้ นั่นแสดงว่าไม่เพียงแค่ผงชูรสเท่านั้น สารอื่นๆที่มีธาตุประจุบวกอันได้แก่ ธาตุหมู 1 2 3 และ 4 ก็จะทำให้น้ำเบตาดีนเปลี่ยนสีเป็นขาวใสได้เหมือนกันครับ ลองทดสอบดูครับหากหยดเบตาดีนน้อยหยดก็จะใช้ผงชูรสปริมาณน้อย แต่หากเราหยดเบตาดีนมากหยดก็จะใช้ผงชูรสปริมาณมาก ตามสัดส่วนครับ สรุปก็คือวิธีใช้เบตาดีนทดสอบกลูต้าไธโอนนั้น ไม่สามารถทดสอบได้ครับว่าเป็นกลูต้าไธโอนแท้ หรือปลอมครับ

แล้วเราจะมีวิธีพิสูจน์อย่างไร ว่ามันเป็นสารกลูต้าไธโอนจริงๆกันละเนี่ย??

บ้างก็บอกว่า ให้ชิมรสชาติดู หากเป็นกลูต้าไธโอนของแท้จะออกเปรี้ยวๆ นั่นแหละใช่เลย เพราะกลูต้าไธโอนเป็นกรดอะมิโนจะมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ? อ้าว+
แล้วถ้าหากเค้าเอาสารที่เป็นกรดใส่ลงในแคปซูลมันจะไม่เปรี้ยวเหรอครับ เช่นเอา วิตามินซีใส่ลงไป ซึ่งต้นทุนถูกกว่ากลูต้าไธโอนมาก ก็ได้รสเปรี้ยวเหมือนกันครับ

คำตอบก็คือ ไม่มีวิธีเฉพาะเจาะจงที่จะพิสูจน์ได้ครับ ต้องตรวจ Lab และใช้เครื่องมือที่มีมูลค่าหลายล้าน เช่น เครื่อง MRI, NMR spectrometer ซึ่งใช้ตรวจสอบโมเลกุลของสารครับเท่านั้นครับ
แล้วคนธรรมดาจะมีห้อง Lab และไอ้เครื่องแพงๆ……ที่ไหนกันหล่ะ ??
ใช่ครับ คนธรรมดาไม่มีห้อง Lab และไอ้เครื่องแพงๆนั่นหรอกครับ เพราะฉนั้นเราก็ต้องพึ่งพาหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลด้านการอุปโภค บริโภค ครับ นั่นคือ อย. ของเรานี่เอง ซึ่งอย.ก็ได้ตรวจสอบให้เราเรียบร้อยหมดแล้วครับ สินค้าที่มีอย.ก็มั่นใจได้เลยครับว่าเป็นกลูต้าไธโอนจริงๆ ปลอดภัย เห็นผล แน่นอน ครับ

แล้วกลูต้าไธโอน ของนอก อเมริกา ญี่ปุ่น ที่ผ่านอย.ที่นั่นมาแล้ว ต้องมาผ่านที่ไทยอีกไหม ??

ต้องผ่าน อย.ของไทยด้วยครับ ถ้าไม่ผ่าน อย.ไทย แล้วมาขายในไทย ก็เรียกได้ว่าของเถื่อนนั่นเอง สาเหตุที่ต้องผ่าน อย.ไทยก็เพราะสรีระของคนแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เราคนไทยต้องยึดหลัก อย.ไทย ครับ
 
ขอบคุณ http://www.cream4u.com
ละ
 

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

บทความนี้โดย : นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต

กลูต้าไธโอนถือว่าเป็นพันธะเปปไทด์ของกรดอะมิโน 3 ตัว ได้แก่ ซีสเตอีน กลูตาเมต และไกลซีน กลูต้าไธโอน จะอยู่ในรูป reduced (GSH) และ oxidized (GSSG) โดย GSSG ถูก reduced ด้วย Glutathione reductase สาร ascorbic acid จะเพิ่มการออกฤทธิ์ของ GSH ซึ่ง alpha lipoic acid (ALA) เพิ่มการออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอนอาจกลับมาเป็น GSSG

คุณลักษณะของกลูต้าไธโอน

  • กลูต้าไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์พบมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซลล์ตับ (จนถึง 5 mM)

  • กลูต้าไธโอนถูกสังเคราะห์โดย Glutathionesynthase โดยการใช้กรดอะมิโน 3 ชนิด : L-cysteine, L-glutamate และ glycine
  • ตามธรรมชาติมี 2 รูปแบบ ได้แก่ reduced Glutathione (GSH) และ oxidized Glutathione disulphide (GSSG)
  • อำนวยความสะดวกต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน
  • เป็นสาร mitochondrial antioxidant
  • เป็นสาร co-factor/ เอนไซม์ใน phase I enzymatic detoxification pathway
  • Phase II detoxification pathway
  • การป้องกันระบบประสาท

    การลดลงของกลูต้าไธโอน

    • แสดงให้เห็นเด่นชัดอย่างเฉียบพลันในการขาดกลูต้าไธโอนเมื่อรับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด
    • ผลของการลดลงของกลูต้าไธโอนนี้เกิดใน hepatocyte ชักนำให้ตับวายและเสียชีวิตได้
    • การขาดกลูต้าไธโอนเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน เพิ่มการเกิดเนื้อร้าย และในกรณีโรคเอดส์ อาจเร่งให้เกิดโรคขึ้นมาได้
    • การขาดกลูต้าไธโอนเป็น ผลใน tissue oxidative stress สามารถเกิดโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็น G6PD (glucose 6-phosphate dehydrogenase deficiency) ทำให้เกิดปริมาณ NADPH และ reduced Glutathione ลดลง
    • Oxidative stress เป็นสาเหตุให้ขาดกลูต้าไธโอนใน fragile erythrocyte membranes

    ข้อบ่งใช้และการใช้ประโยชน์

     

    • รักษาพิษจากยาพาราเซตามอล
    • ใช้เบื้องต้นสำหรับ : มะเร็งบางชนิด โรคไขมันอุดตันที่ผนังหลอดเลือด (atherosclerosis) โรคเบาหวาน ปอดมีความผิดปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคปอดอุดกั้น สูญเสียการได้ยินเนื่องมาจากเสียง ผู้ชายที่เป็นหมัน ป้องกันหรือทำให้พิษดีขึ้น ต้านเชื้อไวรัส ยากำพร้าในการรักษาเอดส์ที่สัมพันธ์กับภาวะขาดสารอาหาร

    ข้อห้ามและควรระวังเป็นพิเศษ

    • ผู้ที่แพ้ยาฉีดกลูต้าไธโอน
    • ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
    • แพ้, หอบหืด

    สารที่ทำให้ขาดกลูต้าไธโอน

    • การสูบบุหรี่
    • ดื่มแอลกอฮอล์
    • คาเฟอีน
    • ยาพาราเซตามอล
    • ยา
    • ออกกำลังกายหนัก
    • รังสี X Y และยูวี
    • Xenobiotics
    • Estradiol

    บทบาทของกลูต้าไธโอนในยาแผนปัจจุบันและยาแผนทางเลือก

    • พิษจากยาพาราเซตามอล
    • โรคมะเร็ง
    • xenobiotics detoxification
    • โรคพาร์คินสัน
    • โรคอัลไซเมอร์
    • เพิ่มภูมิคุ้มกัน เอดส์ ต้านเชื้อไวรัส เชื้อ herpes simplex virus type I
    • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
    • สูญเสียการได้ยินเนื่องจากเสียง
    • ผู้ชายที่เป็นหมัน
    • ออทิสติก
    • โรคเหนื่อยเรื้อรัง
    • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
    • ความดันโลหิตสูง
    • metabolic syndrome
    • autoimmune thyroiditis

      ผลข้างเคียง

    • ผิวหนังแดง
    • ความดันโลหิตต่ำ
    • หอบหืดเฉียบพลัน
    • อาจเกิด anaphylactic reaction จากการปนเปื้อนหรือความไม่บริสุทธิ์
    โดย : นายแพทย์ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต

    กลูต้าไธโอนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

    ขอบคุณ http://www.cream4u.com/

    วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

    มาดูยาที่้ทำให้ผิวขาว

    มาดูยาที่้ทำให้ผิวขาว

    แหม๋ไม่ไ้ด้เลยนะจ๊ะคุณสาว ๆ พอได้ยินคำว่า ยาที่ทำให้ผิวขาวคงอดไม่ได้ที่ต้องซื้อมาลองกันล่ะซิ แต่เอาเถอะใคร ๆ ก็อยากขาวด้วยกันทั้งนั้น วันนี้ดิฉันจึงเอาใจเป็นพิเศษด้วย ยาทำให้ผิวขาว เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามียาอะไรกันบ้างแต่ก็ขอเตือนกันไว้อีกนิดว่า ยาแต่ละชนิดควรจะทำการศึกษาอย่างถ่องแท้ก่อนซื้อมารับประทานนะค่ะ

    9 ชนิดของยาและอาหารเสริมที่ทำให้ผิวขาว

    1.กลูตาไธโอน
    ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินต้านการเสื่อมของเซลล์ผิวส่งผลให้ผิวหน้าขาวสวยใส เปล่งปลั่งไร้รอยด่างดำ รวมถึงผิวทั่วเรือนร่าง เช่น ใต้วงแขน บริเวณขอบชุดชั้นใน ริมฝีปาก และบริเวณหัวนมให้ขาวอมชมพู
    2.สารสกัดจากเปลือกสน
    ทำให้ผิวขาวใสโดยลดปฏิกิริยาของผิวหนังเมื่อถูกแสงแดด ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดขนาดและความเข้มของฝ้า กระ และช่วยปรับสภาพผิวให้กลับขาวใสขึ้น เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์ได้แรงมาก
    3.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
    ในเมล็ดองุ่นมีสารบางชนิดช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวทำให้เนื้อเยื่อ โครงสร้างผิวแข็งแรง ปกป้องเนื้อเยื่อโครงสร้างผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย ลดความหยาบกร้าน หมองคล้ำ ทำให้ผิวขาวใส เรียบเนียนขึ้น
    4.ชาเขียวสกัด
    ปกป้องและรักษาผิวจากการทำลายของมลภาวะโดยเฉพาะแสงแดด ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้กลับคืนสู่สภาพปกติช่วยให้ผิวขาวขึ้นช่วยลดและ ชะลอการเกิดริ้วรอย
    ยา
    5.โคเอนไซม์คิวเทน
    ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว บำรุงผิวให้แข็งแรง ลดการเกิดริ้วรอย ด้วยการเร่งการผลิตคอลลาเจนทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวทำให้ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง
    6.วิตามินซี
    เสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยลดการเกิดริ้วรอย ลดการถูกทำลายของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยคงความแข็งแรงของผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเผยผิวขาวเนียนสดใส
    7.สารสกัดจากมะเขือเทศ
    ลดรอยดำ และความหมองคล้ำจากผลกระทบโดยตรงหรือโดยทางอ้อมจากแสงแดด ลดการถูกทำลายของผิว ช่วยปกป้องจาการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย เสริมฤทธิ์กับชาเขียวเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว

    8.วิตามินอี

    เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดเลือนริ้วรอย
    9.ซีลิเนี่ยม
    ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำงานเสริมกับวิตามินซี และวิตามินอี
    http://www.cream4u.com

    วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

    กลไกการทำงานของกลูต้าไธโอนที่ทำให้ผิวของคุณขาวขึ้น

    กลไกการทำงานของกลูต้าไธโอนที่ทำให้ผิวคุณขาวขึ้น

    glutathione_1
    การที่ผิวขาวขึ้นนั้นเกิดจากกระบวนการสร้างเมลานิน โดย Glutathione ไป ลดการสร้างโดยการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase และกระตุ้นให้สร้าง Phaeomelanin (สีอ่อนขาวชมพู) มากกว่า Eumelanin (เมลานินสีคล้ำ) ผลของ Glutathione ในเรื่องความขาวก็ต้องขึ้นกับสีผิวเดิมของผู้ที่เริ่มกิน หากมีสีผิวอ่อนอยู่แล้วก็เห็นผลไว แต่หากมีสีผิวคล้ำเดิมก็ต้องรอให้ร่างกายสร้างเม็ดสีอ่อนใหม่ และเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำผลัดหมดก่อน หากคล้ำมากอาจใช้เวลาเป็นปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิมของแต่ละบุคคล
    โดยสรุปแล้วผลของกลูต้าไธโอนทำให้ผิวขาวขึ้นได้ครับ
    อ้างอิง : นิตยสารวงการยา ฉบับที่ 133 โดย ภก.สิกขวัฒน์ ผู้เรียบเรียง
    ขอบคุณhttp://www.cream4u.com
    อ้างอิง http://glutathiones.exteen.com/

    วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

    กลูต้าไธโอน

    1.อย.รับรองผลิตภัณฑ์ใด แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้ผ่านการตรวจสอบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีส่วน ผสม หรือส่วนประกอบตรงตามฉลากที่ระบุข้างกล่อง ทั้งจำนวน และ ปริมาณ ดังในผลิตภัณฑ์นี้มี อย.รองรับว่าใน 1 เม็ดมี Glutathione อยู่ 250 mg จริง  !!!
    Empty Capsule Size Chart

    อ้างอิง : http://www.value-healthcare.co.uk/store/index.php
    ว่างๆ เพื่อนๆ ก็ลองเอากลูต้าไธโอนที่คุณกินมาวัดดูครับ
    ดังในกรณีที่เคยมีเป็นข่าว ว่า มีคนนำยา Transamin ที่เป็นยาหยุดเลือด ซึ่งลักษณะภายนอกเป็นแคปซูลสีขาวนวล คล้ายกับสีแคปซูลของกลูต้าไธโอน ถ้าหากผู้บริโภคได้รับประทานยาหยุดเลือดนี้ไปแล้วก็จะทำให้เกิดอันตรายต่อ ร่างกายได้ เช่น หลอดเลือดอุดตัน ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย) เวียนศีรษะ ภาวะความดันต่ำ  เป็นต้น
    3. อย.จะรับรองผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกลูต้าไธโอน ก็ต่อเมื่อปริมาณกลูต้าไธโอนต่อเม็ด ได้สูงสุดไม่เกิน 250 mg/capsule หากเห็นผลิตภัณฑ์ใดที่กล่าวอ้างว่าปริมาณกลูต้าไธโอนมากกว่า 250 mg ต่อเม็ด แล้วยังได้รับรองจาก อย. รู้ได้เลยครับว่าไม่จริง
    หลายๆคนอาจคิดว่า Glutathione น้อยไปแค่ 250 mg. เอง  แต่ระดับ 250 mg/capsule นี้เป็นปริมาณที่ยอมรับแล้วว่า หากรับประทานวันละ 250 mg ต่อ วัน จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้ ต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีอย. หากคุณรับประทานวันละ 1-2 เม็ด คุณจะได้รับ กลูต้าไธโอน เข้าสู่ร่างกาย 500-1000 mg จริง หรือ? คุณอาจจะไม่ได้รับกลูต้าไธโอนสัก มิลลิกรัมเลยก็ได้ ลองคิดสักนิดครับว่าผลิตภัณฑ์เดิมที่ใช้อยู่มี อย. หรือไม่ หากคุณรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. ไม่เพียงแต่คุณจะต้องเสียเงินซื้อผงอะไรก็ไม่รู้มากิน คุณยังจะไม่ขาวขึ้น แล้วคุณก็อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย
    ขอบคุณ

     เรื่องใกล้เคียง http://glutathiones.exteen.com/


    วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

    เคล็ดลับ ผิวสวยสั่งได้

    เคล็ดลับ ผิวสวยสั่งได้

    ถ้าคุณอยากจะมีผิวสวยสั่งได้ก็ต้องมาำทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ที่เรากำลังจะแนะนำค่ะ เพราะขั้นตอนต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้คุณมีผิวสวย นุ่มนวน น่าสัมผัส ฉะนั้นแล้วคุณต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัดด้วยนะค่ะแล้วคุณ ๆ ก็จะได้มี ผิวสวยสั่งได้ กันคุณทุกคนเลยล่ะคะ่



    ผิวสวยสั่งได้ เริ่มจากวิธีง่ายๆ


    1.ใบหน้าที่บอบบางย่อมไม่เหมาะกับการโดนขูดขีดหรือสัมผัสแรง ๆ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ล้างหน้าจึงควรเป็นแบบที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ระคายเคือง ไม่มีฟอง รวมถึงสบู่ที่ใช้อาบน้ำควรใช้เป็นสบู่เหลวล้างหน้า หรือบางคนที่ไม่ได้มีกลิ่นตัวแรงการอาบน้ำตอนเช้าอาจไม่ต้องใช้สบู่ก็ได้ ประหยัดแถมผิวจะนุ่มเนียนเหมือนผิวเด็กอีกต่างหาก

    2.หากผิวขาดความชุ่มชื้นก็จะเกิดริ้วรอยได้ง่าย เคล็ดลับเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวทุก ๆ วันคือ ให้เติมมอยส์เจอไรเซอร์ลงไปในสบู่เหลวล้างหน้า นอกจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วยังช่วยลดฟองส่วนผิวกายหลังจากที่พรมน้ำจนทั่ว ตัวตอนอาบน้ำให้ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือเบบี้ออยล์ก่อนจึงค่อยใช้ครีมอาบน้ำ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงชุ่มชื้นทำให้รูขุมขนเล็กลงลดการที่ผิวจะ โดนขูดขีดจนเกิดริ้วรอยได้

    3.กับผิวพรรณใบหน้าไม่ว่าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือมาส์กจะต้องทำ หลังชโลมน้ำแล้วทุกครั้ง จำไว้ว่าห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ในขณะผิวหน้าแห้งเด็ดขาดเพราะเนื้อผลิตภัณฑ์จะไปสัมผัสกับผิวหน้าโดยตรงโดย ไม่มีตัวกลางอย่างน้ำมาคอยกั้น แม้แต่ตอนทามอยส์เจอไรเซอร์ก็ไม่ต้องเช็ดหน้าให้แห้งซับแค่หมาด ๆ ก็พอ

    ผิวสวย


    4.การใช้สบู่ออยล์หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของผิวหน้าก็ตามให้ใช้ 60 วินาทีเสมอ อย่างใช้โฟมล้างหน้าก็ให้นวดวนไปเรื่อย ๆ 60 วินาที ทามอยส์เจอไรซ์ก็ให้นวดคลึง 60 วินาที การใช้เวลาที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยนี้จะทำให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิว ได้ดีขึ้น และใบหน้าก็ได้รับการนวดกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองไปในตัว

    5.ในการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้ใช้ตามขั้นตอน คือ โทนเนอร์ เซรั่มหรือทรีทเม้นท์ มอยส์เจอไรเซอร์ แล้วปิดท้ายด้วยครีมกันแดด ไม่ควรข้ามสเต็ปและในการทาควรรอ 3 นาทีก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ต่อไป เช่น ใช้โทนเนอร์แล้วรอ 3 นาทีจึงทาเซรั่มต่อ แล้วรออีก 3 นาทีจึงทามอยส์เจอไรเซอร์ การรอนี้เพื่อให้เนื้อครีมบำรุงซึมซาบเข้าสู่ผิวก่อน การไม่รอแล้วทาซ้ำลงไปทันทีจะทำให้เนื้อครีมเหนอะอยู่ด้านบนและโดนนิ้ว เกลี่ยออกไปก่อนซึมสู่ผิว

    6.ในการแต่งหน้าคุณควรใช้เบสด้วย โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบใช้ครีมกันแดดและรองพื้น เพราะนอกจากเบสจะช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอแล้วยังทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติให้ใบหน้าดูหน้ากระจ่างใสช่วยป้องกันรังสียูวีที่หาก สะสมมาก ๆ ก็จะทำให้เกิดความหมองคล้ำ ริ้วรอย และมะเร็งได้ แล้วยังช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปอุดตันยังรูขุมขนด้วย

    7.ผิวพรรณจะสดใสได้เกิดจากความรู้สึกสดชื่นทั้งร่างกายและจิตใจ หากคุณเป็นหนุ่มสาวที่ต้องทำงานท่ามกลางความกดดัน หรือต้องไปเจอแสงแดดที่ทำให้อ่อนเพลียได้ง่าย ควรมีสเปรย์น้ำแร่ติดตัวไว้ เมื่อรู้สึกเพลีย เหนื่อย อ่อนล้า หรือผิวเริ่มขาดความชุ่มชื้นก็หยิบมาฉีดพรมให้ทั่วใบหน้าเพื่อคืนความสดชื่น ให้กับผิวและอารมณ์ หรือใช้วิธีประหยัดอย่างล้างหน้าด้วยน้ำเย็นก็ได้ค่ะ


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก สุขภาพดี ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

    เคล็ดลับ ผิวสวยสั่งได้

    ขอบคุณ http://www.cream4u.com

    เนื้อหาใกล้เคียง http://glutathiones.exteen.com/

    วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

    ทำความสะอาดผิวหน้า อย่างหมดจด

    ทำความสะอาดผิวหน้า อย่างหมดจด

    แน่ใจเเล้วหรือว่าการทำความสะอาดผิวหน้าที่คุณทำอยู่เป็นประจำนั้นสะอาดหมดจด ลดรอยหมองคล้ำได้จริง ถ้ายังไม่มั่นใจหละก็วันนี้เราจะพาคุณผู้หญิงทั้งหลายมา ทำความสะอาดผิวหน้า อย่าง หมดจดสดใส ไร้ความหมองคล้ำ กระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้าของคุณดูขาวสว่างกระจ่างใสริ้วรอยไม่ถามหา ให้ผิวหน้าของคุณได้เนียนนุ่มลองไปทำตามขั้นตอนกันดูนะค่ะ



    ทำความสะอาดผิวหน้า


    โดยเริ่มกันตั้งแต่ในขั้นตอนแรก คือ การทำความสะอาด (Cleansing) ด้วย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการชำระล้างที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวคุณเอง และทำความสะอาจผิวหน้าอย่างนุ่มนวลทั้งตอนเข้าและโดยเฉพาะในเวลาก่อนเข้านอน หากคุณแต่งหน้าจัดอยู่เป็นประจำซึ่งการล้างหน้าที่ถูกวิธีนั้นให้หมุนขึ้น และวนออกเพื่อเป็นการเปิดและชำระล้างสิ่งอุดตันและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดอยู่ในรูขุมขนให้หลุดออกในขณะนวดล้างทำความสะอาด

    ขั้นตอนต่อมาที่ช่วยล้างผิวหน้าอย่างล้ำลึก (Deep Cleanser) คือหลังจากการล้างหน้าตามปกติอาจยังมีสิ่งสกปรกที่ยังหลงเหลืออยู่ การมาร์คหน้าพอกหน้านั้นจึงเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการกระตุ้นการชำระล้างได้ อย่างล้ำลึก อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้ หลุดออก ขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในรูขุมขนให้หมดไปลดการอุดตันของรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุของสิว เสี้ยนและยังช่วยป้องกันการเกิด สิวหัวขาว (สิวเม็ดข้าวสาร) ได้เป็นอย่างดีช่วยให้ผิวพรรณสะอาดอย่างล้ำลึก ผิวแลดูสดใสเปล่งปลั่ง


    สะอาดผิวหน้า


    ปรับสภาพผิวให้เนียนเรียบกระชับ (Toners) การใช้โทนเนอร์ เช็ดผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสามารถคืนความสมดุลและปรับสภาพผิวได้ อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังเป็นเกราะป้องกันผิวจากเชื้อแบคทีเรียทำให้ผิวสดชื่อสดใสและ เปล่งปลั่ง อีกทั้งยังเป็นกระชับผิวให้รูขุมขนเล็กลงช่วยควบคุมน้ำมันส่วนเกินบริเวณ หน้าผาก จมูก คาง (T-ZONE) ให้การแต่งหน้าได้คงทนยิ่งขึ้น

    บำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่นด้วยครีมบำรุง (Moisturizer) ขาด ไม่ได้เลยสำหรับอาหารผิวด้วยการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวพรรณ ของคุณ การบำรุงให้ความชุ่มชื้นกลับคืนสู่ผิวด้วยครีมบำรุงผิวนั้นถือเป็นการคืน ความชุ่มชื่นสร้างความยืดหยุ่นสำหรับผิวชั้นนอก เพื่อคงความเปล่งปลั่งช่วยให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นช่วยให้ผิวมีน้ำหล่อ เลี้ยงได้ถึงผิวชั้นใน ให้ผิวเนียนนุ่มไม่แห้งตึงสวยสมบูรณ์แบบสาวผิวสวยได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือสวยด้วยแพทย์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

    ทำความสะอาดผิวหน้า อย่างหมดจด

    โรคมะเร็งผิวหนัง "ป้องกันได้"

    โรคมะเร็งผิวหนัง "ป้องกันได้"

    คุณผู้หญิงทั้หลายอาจจะเคยได้ยินว่าแดดที่แรง ๆ อาจะทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ วันนี้ เรานำคำแนะนำดี ๆ ของผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวไว้ว่า มะเร็งผิวหนังนั้นสามารถป้องกันได้ ถ้าอย่างงั้นเราลองมาศึกษาและเรียนรู้วิธีป้องกัน โรคมะเร็งผิวหนัง กันดีกว่าค่ะ



    โรคมะเร็งผิวหนัง


    มีข้อมูลจาก น.พ.นิโคลัส เพอริโคน ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังและเป็นผู้แต่งหนังสือ The Wrinkle Cure บอกไว้ว่า จำนวนของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสถิติเมื่อก่อน 1 ใน 10,000 คน ปัจจุบัน พบเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 93 คน

    สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นเพราะอุณหภูมิของโลกที่สูงมากขึ้นทุก ๆ วัน จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รังสีอัลตราไวโอเล็ตทั้ง UVA และ UVB สามารถผ่านมากระทบกับผิวหนังเรามากขึ้นเหตุก็เนื่องมาจากชั้นโอโซนถูกทำลาย ไปมาก

    แล้วเราจะสามารถป้องกันให้ผิวเราปลอดภัยจากโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างไร ผมมีวิธีครับ

    1. ยอมรับในสิ่งที่ธรรมชาติให้มา
    หลายคนอยากมีผิวสวยใสไร้ที่ติใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใยก็เลยสรรหาผลิตภัณฑ์ที่ จะเป็นตัวช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้น แต่ทราบไหมว่าผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งพวกนี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเมลาโนไซด์ทำ ให้ผิวหนังของเราบางลง เมื่อเราไปถูกแสงแดดกระทบนาน ๆ เข้า แม้จะแค่ครั้งหรือสองครั้งก็ตามก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้มีแนวโน้มของการเกิด มะเร็งผิวหนังได้

    2. อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

    อาหารเสริมมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตมากขึ้น อย่างเช่น เบต้าแคโรทีน สามารถทำให้ผิวพรรณผ่องใสมีสารป้องกันอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงของการเป็นโรค มะเร็งผิวหนัง เพราะสารแคโรทีนอยด์จะไปสะสมที่ผิวหนังทำให้สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอ เล็ตได้มากกว่าเดิม หรือจะเป็นวิตามินซีก็มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังส่งเสริมให้ร่างกายนำเอาวิตามินอีไปใช้เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ ทรงประสิทธิภาพอีกด้วย


    โรคมะเร็งผิวหนัง ป้องกันได้


    3. หลีกให้พ้นสารเคมี

    ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สารเคมีต่าง ๆ ที่ตกค้างตามผิวหนังล้วนมีโอกาสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ดังนั้นเราควรจะหลีกเลี่ยงให้พ้นสารเคมีเหล่านี้ แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมีก็ควรที่จะมีการป้องกันด้วยเสื้อ ผ้าที่ปิดมิดชิด

    4. หลีกเลี่ยงแสงแดด


    การอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวหนังของเราเกิดอาการถูกแดดเผา และผู้ที่ถูกแสงแดดเป็นประจำอาจจะมีผลทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดฝ้าแดดและมะเร็งที่ผิวหนัง ดังนั้นเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยเฉพาะในเวลาตอนกลางวัน

    5. กันไว้ก่อนพ่อสอนไว้
    หากจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกรังสี UVA และ UVB ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน อาจจะส่งผลให้ผิวหนังเราไหม้ได้ ดังนั้น จึงควรที่ปกป้องผิวหนังด้วยครีมกันแดดยิ่งปัจจุบันครีมกันแดดก็ไม่เหนียว เหนอะหนะเหมือนเมื่อก่อนจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้ ครีมกันแดด


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mix ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

    โรคมะเร็งผิวหนัง "ป้องกันได้"